วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ศรส.เตรียมยื่นฟ้อง"สุเทพ"ต่อศาลอาญา ข้อหาใช้อาวุธทำร้ายตร.


ผอ.ศรส เตรียมยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่อศาลอาญา ข้อหาใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ให้ถึงแก่ความตายและบาดเจ็บจำนวนมาก  

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ในฐานะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.) กล่าวว่า วันนี้ ศรส.ได้รับหมายของศาลแพ่งแจ้งคำบังคับในคดีที่นายถาวร เสนเนียม เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำเลยที่ 1, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จำเลยที่ 2 และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว จำเลยที่ 3 ซึ่งคำบังคับดังกล่าวเป็นผลให้ ศรส.ต้องปฏิบัติตามทันที โดยคำบังคับได้ห้ามจำเลยนำเอาประกาศและข้อกำหนดที่ได้ออกตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯ, จังหวัดนนทบุรี, อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี และอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มาใช้บังคับ รวมทั้งห้ามกระทำการอีก 9 ข้อ

นายธาริต กล่าวว่า ศรส.ขอยืนยันว่าจะได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่ง รวมทั้งขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งทุเลาการบังคับตามคำพิพากษาของศาลแพ่งตามกฎหมายต่อไปด้วย แต่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ซึ่งจะต้องใช้เวลานานพอสมควรนั้น ศรส.มีความกังวลใจเป็นอย่างยิ่งที่ ศรส.และเจ้าหน้าที่ของ ศรส.ทุกคนจะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามที่กฎหมายกำหนดไว้ได้

"คำพิพากษาของศาลแพ่งที่สั่งห้าม ศรส.ทั้ง 9 ข้อดังที่ทราบกันแล้ว สภาวะเสมือนสูญญากาศที่ขาดการบังคับใช้กฎหมายเช่นนี้ จึงเป็นความเสี่ยงสูงต่อการที่สังคมจะเพิ่มความขัดแย้งและความไม่สงบสุขมากขึ้นอีก เพราะกลุ่มประชาชนทั้งที่เห็นด้วยกับ กปปส. และที่ไม่เห็นด้วยต่างก็มีจำนวนมากมายด้วยกันทั้งคู่ และด้วยความเดือดร้อนของประชาชน ด้วยการกีดขวางการจราจรตามถนนและสี่แยกต่างๆ เพราะ กปปส.สามารถเคลื่อนการชุมนุมไปตามที่ต่างๆ ได้โดยเสรีตามใจชอบ จนเกิดภาวะวิกฤติในเมืองหลวงของประเทศ การปิดล้อมสถานที่ราชการ โรงแรม และบริษัทสถานที่ทำการของเอกชน การขัดขวางการเลือกตั้งซึ่งจะต้องเกิดขึ้นอีกแน่นอน โดยเฉพาะความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจซึ่งเกิดขึ้นทุกๆ มิติ และทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงอาจเกิดการกระทบกระทั่งและเข้าจัดการกันเองได้ เพราะภาครัฐไม่อาจบังคับใช้กฎหมายได้ ซึ่งจะเป็นสภาวะที่ไม่พึงประสงค์เป็นอย่างยิ่ง" นายธาริต กล่าว

ศรส.มีความวิตกว่า ผลจากคำพิพากษาของศาลจะทำให้แกนนำ กปปส.สามารถนำเอากลุ่มผู้ชุมนุมไปกระทำการใดๆ โดยเฉพาะการปิดล้อม ปิดกั้น และยึดครองสถานที่ราชการและสถานที่เอกชนต่างๆ ได้ตามอำเภอใจ ทั้งๆ ที่ ศรส.ได้เข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาตลอด 32 วันที่จัดตั้ง ศรส.มาจนสามารถเปิดสถานที่ราชการได้ถึง 53 แห่ง รวมทั้งถนนสาธารณะหลายแห่งแล้ว ดังเช่นเช้าวันนี้ แกนนำ กปปส.ก็ได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อม ยึดครองกรมพลังงานทดแทน แล้วใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดประตูแล้วบุกเข้าไปยึดครอง  ศรส.ใคร่ขอความร่วมมือนักกฎหมายและนักวิชาการต่างๆ ได้กรุณาให้ข้อแนะนำแก่ ศรส.ถึงแนวทางและวิธีการที่ ศรส.จะดำเนินการต่อไปอย่างไร จากการที่ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาดังกล่าวด้วย

อนึ่ง ผู้อำนวยการ ศรส.ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า จะได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ได้ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นใช้วัตถุระเบิดและอาวุธปืนยิงทำร้ายตำรวจ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายและบาดเจ็บสาหัสจำนวนมากในการปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ณ บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ

ในระหว่างที่ ศรส.ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ตามคำพิพากษาของศาลแพ่งได้นั้น นอกจากนี้ ศรส.ขอแสดงความเสียใจต่อพี่น้องประชาชนแล้ว ศรส.ใคร่ขอวิงวอนพี่น้องประชาชนทั้งที่สนับสนุนกลุ่ม กปปส. กลุ่มที่ต่อต้าน กปปส. กลุ่ม นปช. และกลุ่มอื่นๆ ได้โปรดเห็นแก่ความสงบสุขและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะความเสียหายด้านเศรษฐกิจของประเทศชาติ ได้กรุณางดเว้นหรือยุติการกระทำใดๆ ที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายและความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าได้เข้าเผชิญหน้าหรือเข้าแก้แค้นจัดการกันเอง เพราะจะทำให้ปัญหาของประเทศในขณะนี้เพิ่มความวิกฤติมากขึ้นไปอีก  และยากต่อการแก้ไขเยียวยาเป็นอย่างยิ่ง

เข้าดูมากที่สุด 7 วันที่ผ่านมา