วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

'ชูวิทย์' ชี้ Hate Speech เป็นการพูดนำไปสู่ความแตกแยก

'ชูวิทย์' ชี้ Hate Speech เป็นการพูดนำไปสู่ความแตกแยก


"ชูวิทย์" โพสต์เฟซบุ๊กระบุขณะนี้ประชาชนจำนวนมากติดเชื้อสันดานนักการเมือง ห้ามก็ไม่ฟัง พาลโดนด่า Hate Speech ชี้การพูดแบบนี้นำไปสู่ความเกลียดชังแตกแยกและสร้างความรุนแรง
 
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า "ชูวิทย์ I'm No.5" ระบุขณะนี้ประชาชนจำนวนมากติดเชื้อสันดานนักการเมือง ห้ามก็ไม่ฟัง พาลโดนด่า Hate Speech ชี้การพูดแบบนี้นำไปสู่ความเกลียดชังแตกแยกและสร้างความรุนแรง โดยข้อความระบุว่า
 
"Hate Speech ด่าให้สะใจ
 
วันนี้มีเจ้าหน้าที่จาก EU เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเลือกตั้ง มาพบผมที่พรรคเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสถานการณ์ในเมืองไทย หัวข้อหนึ่งที่เขาสนใจสอบถามผมคือ Hate Speech
 
Hate Speech เป็นการพูดที่แสดงความให้ร้ายโจมตีดูถูกเหยียดหยาม ใช้วาจาสามหาว จริงบ้างเท็จบ้าง โดยพูดซ้ำๆให้ติดหู เป็นการยั่วยุสร้างความแตกแยก ไม่มีสาระแต่ดูสะใจ พูดโพนทะนา ร้อยเป็นวาทกรรม โดยใช้หลักฐานที่ไม่ชัดเจนโน้มน้าวให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง เป็นที่นิยมอย่างยิ่งของนักการเมืองไทย ใครจะเจริญเติบโตได้ ต้องเก่งเรื่อง Hate Speech 
 
การพูดแบบนี้นำไปสู่ความเกลียดชังแตกแยกและสร้างความรุนแรง ปลุกเร้าให้มวลชนที่เปรียบเสมือนผ้าขาว ถูกนักการเมืองแต่งแต้มชะโลมสี เช่น แทนที่จะด่าว่าเรื่องนโยบาย การทำงาน แต่ดันไปพูดถึงเรื่องในอดีต รูปลักษณ์ภายนอก พื้นฐานครอบครัวและเรื่องส่วนตัว ไปถึงเชื้อชาติ สีผิว การพูดแบบ Hate Speech ยังแพร่หลายกระจายไปในหมู่ประชาชน ทั้งสังคมออนไลน์ บรรดาคอมเม้นท์ต่างๆต้องแฝงไว้ด้วยคำดูถูกเหยียดหยาม ทำให้เกิดความสับสน ไม่รู้ผิดไม่รู้ถูก ตัดสินอะไรไม่ได้ 
 
แล้วแชร์ข้อความส่งต่อความสะใจผ่านทางไลน์ เฟสบุ๊คกันสนุกสนาน ตั้งแต่เด็กเกรียนติ่งหู ยันแก่หัวหงอก รวมทั้งการตั้งฉายา ไม่ว่าแมลงสาบ สลิ่ม ควายแดง ขี้ข้า อีโง่ เป็นคำพูดที่แฝงไว้ด้วยความดูถูก เหยียดหยาม เกลียดชัง ระคนสะใจ พื้นฐานเหล่านี้ล้วนมาจากความสนุกสนานล้อเลียนตลกโปกฮาตามวิสัยของคนไทย
 
แทนที่ผู้ใหญ่จะใช้เหตุผลด้วยใจเป็นธรรม ติเพื่อก่อให้ได้ประโยชน์ต่อบ้านเมือง แต่นักการเมืองไทยส่วนมากใช้ Hate Speech สื่อสาร ให้สัมภาษณ์ ปราศรัย ใครด่าเก่งกว่าคนนั้นเป็นคนชนะ บางคนด่าในสภาได้เป็นชั่วโมง ไม่มีสาระอันใด พาลไปสาบานเจ็ดวัดเจ็ดวา ท้าไปสนามหลวง ทำตัวเหมือนเด็กท้ากันไปต่อยหลังโรงเรียน
 
บางคนด่าได้ 4 เดือนติดต่อกันบนเวที ไม่ซ้ำแม้แต่เรื่องเดียว มีเรื่องให้ด่าทุกวันไม่รู้เก่งอะไรอย่างงั้น ขุดได้ถึงโครตเหง้า คนฟังตบมือชอบใจเหมือนเสพย์ยากล่อมประสาท ต้องมนต์สเน่ห์ ฟังแล้วต้องฟังอีก เอาไปพูดขยายความต่อในหมู่เพื่อนฝูง เพื่ออวดภูมิปัญญาว่ารู้มากกว่า
 
ตอนนี้ประชาชนจำนวนมากติดเชื้อสันดานนักการเมือง ห้ามก็ไม่ฟัง พาลโดนด่า Hate Speech เข้าอีก"
 

เข้าดูมากที่สุด 7 วันที่ผ่านมา