หาก "วิษณุ เครืองาม" เป็นเนติบริกรยุค "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรีผู้พี่ "พิชิต ชื่นบาน" ก็เป็นหนึ่ง "หมอกฎหมาย" คนสำคัญในทีมเนติบริกรยุคนายกฯผู้น้อง - "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
ในรอบ700 กว่าวันของรัฐนาวาลำนี้ "พิชิต" เข้า - ออกทั้งห้องประชุมรัฐสภาในตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย และตึกบัญชาการไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะมือเนติแห่งพรรคเพื่อไทย
"ประชาชาติธุรกิจ" สนทนากับเขายามที่รัฐบาล-พรรคเพื่อไทย ต้องประสบกับภัยการเมือง ทั้งจากตุลาการภิวัตน์ เกมข้างถนน หรือต้องปะทะกับอำมาตย์
ทุกคำชี้แจง ทุกคำแก้ต่าง ทุกคำสู้ที่เขาเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการ ถูกกลั่นออกมาเป็นท่าทีของพรรคเพื่อไทย และรัฐบาล จะปรากฏในบรรทัดต่อไป
รัฐบาลสามารถเลื่อนเลือกตั้งได้หรือไม่
กรณีนี้ เมื่อมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป มันออกโดยอาศัยรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 และ 184 โดยในมาตรา 108 กำหนดวันเลือกตั้งไม่เกิน 60 วัน ซึ่งนัยสำคัญคือวันเลือกตั้ง ขณะที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง
ส.ว. (พ.ร.บ.เลือกตั้ง) มาตรา 4 ได้จำกัดคำนิยามคำวันเลือกตั้งไว้ หมายถึงวันที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาให้กำหนดเป็นวันเลือกตั้ง ดังนั้น วันเลือกตั้งมันเท่ากับมีในรัฐธรรมนูญ มีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ มีพระราชกฤษฎีกา 3 ล็อก 3 ชั้นแน่นหนา เพราะฉะนั้นวันเลือกตั้งเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ตามกฎหมาย มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวมันเองโดยมีกฎหมายรองรับ คนที่รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาคุณจะต้องปฏิบัติ 3 อย่าง ปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 ปฏิบัติให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง มาตรา 4 และคุณมีหน้าที่บังคับการให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกายุบสภากำหนดวันเลือกตั้ง ทำให้การเลื่อนการเลือกตั้งมันเกิดไม่ได้
ยืนยันว่าก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทยเราไม่เคยเลื่อนการเลือกตั้งทั่วไป ที่คุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี) บอกว่า ปี 2549 มีพระราชกฤษฎีกาเลื่อนวันเลือกตั้งนั้น ในสมัยคุณทักษิณ ชินวัตร คือพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมการเลือกตั้ง 2549 อันนั้นมันเกิดขึ้นได้เพราะศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่าการเลือกตั้ง 2 เม.ย.มันไม่สุจริตและเที่ยงธรรม จึงมีคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่ พอเลือกตั้งใหม่ก็ต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้น จึงไม่มีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญเลยว่า สามารถเลื่อนเลือกตั้งได้
ส่วน พ.ร.บ.เลือกตั้งก็ไม่มีบทบัญญัติให้ กกต.เลื่อนการเลือกตั้ง โดยมาตรา 78 หมายความว่า ก่อนวันเลือกตั้งมีเหตุอุทกภัย จลาจล หรือเหตุจำเป็นอย่างอื่น แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเหตุอุทกภัย จลาจลทั้งประเทศ แต่มันเป็นเหตุเฉพาะหน่วยเลือกตั้งนั้น ๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นเฉพาะเขตที่รับสมัคร ส.ส.ไม่ได้ 8 จังหวัด แต่ส่วนที่เขาสมัคร ส.ส.ได้ต้องลงคะแนน ปัญหาคือจะต้องลงคะแนนให้ได้ เพราะวันที่ 2 ก.พ.จะมีตัวละคร 3 ตัวละคร 1.ผู้สมัคร พรรคการเมือง 2.ประชาชนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน 3.กกต.
ปัญหาเวลานี้ ผู้สมัครเขาสมัครไม่ได้ เมื่อผู้สมัครสมัครไม่ได้ ประชาชนก็ลงคะแนนไม่ได้ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเขามีคำวินิจฉัยล่าสุดยกคำร้องกรณีสมัครเลือกตั้งไม่ได้ ว่าเป็นหน้าที่ของ กกต. โดยต้องกำหนดวิธีการหลักเกณฑ์การรับสมัครให้ได้ เพื่อให้มีการเลือกตั้งทั่วไปทั้งประเทศในวันเดียวกัน แต่ปรากฏว่าคุณสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้งบอกว่า จะเอาปัญหา 8 จังหวัด 28 เขตไปเลือกตั้งหลังวันที่ 2 ก.พ. ขอตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าคุณทำอย่างนี้แล้วปรากฏว่ามีคนไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ บอกว่าการเลือกตั้งทั่วไปจัด 2 ครั้ง ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 108 ตกเป็นโมฆะ กกต. 5 คนต้องรับผิดชอบนะ เพราะศาลฎีกาก็บอกให้ทำแต่ไม่ทำ
และที่สำคัญประธาน กกต.ก็ยอมรับต่อสื่อมวลชนเองว่าเลื่อนการเลือกตั้งไม่ได้ แต่พูดไม่เป็นเสียงเดียวกันกับนายสมชัยพยายามดิ้นรนขอพบนายกฯ พยายามส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ พยายามสร้างเรื่องให้เกิดความขัดกันระหว่างผู้รักษาการตามกฎหมายคือ ประธาน กกต.กับนายกฯ แต่อย่าลืมว่าทั้งนายกฯและประธาน กกต.จะใช้อำนาจอะไรต้องใช้ให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม ต้องไม่เลือกปฏิบัติ และต้องมีความเสมอภาค เพราะถ้ามาตกลงกับ กกต.ว่าเลื่อนการเลือกตั้ง แล้วพรรคที่สมัครไปแล้ว หรือบางพรรคยังสมัครไม่ได้เขาฟ้องนายกฯว่าเลือกปฏิบัติ ดังนั้น เวลานี้น่าจะเป็นข้อยุติแล้ว กกต.ควรสร้างบรรยากาศให้เห็นว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ.มันมีแน่ แล้วชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
เมื่อ 8 เขตยังไม่มีผู้สมัคร กกต.สามารถจัดการเลือกตั้งได้ไหม
ในวันเลือกตั้งล่วงหน้า 26 ม.ค. และวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. กกต.ต้องจัดให้มีหน่วยเลือกตั้งปาร์ตี้ลิสต์ เพราะมันสมัครเรียบร้อยแล้ว ส่วน ส.ส.แบบเขต เวลานี้ยังยืนยันว่ามันใกล้เต็มทีแล้ว นับตั้งแต่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งวินิจฉัยว่าเป็นหน้าที่ของ กกต. กกต.ต้องตระหนักแล้ว ผมจึงยืนยันว่าการไม่ทำเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กลับยกปัญหาทั้งหมดไปหลังวันที่ 2 ก.พ. ถ้ามีองค์กรชี้ว่าการจัดเลือกตั้งเพิ่มเติมไม่ถูก เท่ากับ 2 เด้ง 1.ทำให้การเลือกตั้งเสียหาย 2.งบประมาณที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเตือนมาว่าการเลือกตั้งอาจไม่คุ้มค่า 3,800 ล้านบาท กกต.ต้องรับผิดชอบ ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำละเมิดทำให้เสียหาย
กกต.บางท่านบอกว่าใช้รัฐธรรมนูญ ม.93 วรรคท้ายเทียบเคียงกันได้
ไอ้นั่นมันต้องเป็นหลังการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ยืนยันเลย มันต้องบอกก่อนว่าการเลือกตั้งทั่วไปมันเลื่อนไม่ได้ มองกฎหมายผิด แล้วมาตรา 93 ที่มาหยิบยกมันต้องมีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว หลักคิดคนเป็น กกต.ต้องให้เลือกตั้งก่อน แล้วการเลื่อนมันเป็นข้อยกเว้น แต่คุณกลับเอาข้อยกเว้นมาเป็นหลัก แล้วเอาหลักมาเป็นข้อยกเว้น มันกลับกัน คุณเอาสิ่งเล็กที่รับสมัครไม่ได้ 8 จังหวัด แสดงว่าคุณไม่เคารพส่วนใหญ่ แล้วคุณไม่คิดถึง 60 กว่าจังหวัดที่เหลือเหรอ
เรียกร้อง กกต. 4 ท่าน ต้องใช้มติกับคุณสมชัยบ้าง เอามติเข้าว่า อย่าเกรงอกเกรงใจกัน ประธาน กกต. (ศุภชัย สมเจริญ)เป็นลูกศิษย์นายสมชัยตอนเรียนปริญญาโทที่ ม.ธรรมศาสตร์ ใครเขาก็รู้ เวลานี้มันเป็นเรื่องหน้าที่
ส่วนที่ยกเป็นข้ออ้างว่ามีการขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้ง ยังไม่เห็นไปแจ้งความกับใครเลย พ.ร.บ.เลือกตั้งระบุว่า ใครขัดขวางการเลือกตั้ง การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน จะมีบทลงโทษ ชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. มาบุกโรงพิมพ์คุรุสภา นี่ก็เข้าข่ายขัดขวางการเลือกตั้งแล้ว และที่ผ่านมา 8 จังหวัดแจ้งความใครบ้าง ได้แต่ไปลงบันทึกประจำวันว่าเจ้าหน้าที่ทำงานไม่ได้ แต่ต้องแจ้งร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดี
เมื่อคุณไม่ทำกฎหมายให้เข้มแข็งก่อน หลักนิติศาสตร์ต้องมาก่อนรัฐศาสตร์ แต่ไม่ใช่นิติศาสตร์ยืดหยุ่นไม่ได้ ต้องใช้แบบ Balance กัน แต่คุณทิ้งหลักนิติศาสตร์ไปเลยไม่ได้ คุณบอกมุ่งเจรจาแล้วการทำหนังสือถึงรัฐบาลเสนอนายกฯให้มีพระราชกฤษฎีกาเลื่อนการเลือกตั้ง พร้อมให้ทุกพรรคการเมืองทำความเข้าใจกัน แต่เวลานายกฯเรียกประชุมทุกพรรคการเมือง ยังไม่เห็น กกต.ทั้ง 5 ไปรับฟังความเห็นเลย กลัวอะไรล่ะ ทำไมต้องคุยกับนายกฯ 2 คนก่อน
แล้วสถานะหนึ่งของคุณยิ่งลักษณ์เป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย และเป็นนายกฯ เขาจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังว่าการที่เขามี 2 สถานะในปัจจุบัน เขาทำอะไรที่เลือกปฏิบัติต่อพรรคการเมืองอื่นหรือเปล่า เพราะพรรคเล็กเขาก็กล่าวดำเนินคดีนายกฯและ กกต.ได้ จึงเป็นสิ่งที่นายกฯระวังมาก และยังต้องให้ความสำคัญกับคนเสื้อขาว กลุ่มพอกันที กลุ่ม 2 เอา 2 ไม่เอา กลุ่มสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.) แล้วถ้าคุณยิ่งลักษณ์ไปตกลงเลื่อนวันเลือกตั้งสิ คนกลุ่มนี้จะเอาเรื่องคุณยิ่งลักษณ์ไหม ทำไมไม่เอาหัวใจคุณยิ่งลักษณ์ไปใส่บ้าง
ที่ กกต.ไม่ยอมมาร่วมประชุม เพราะรู้อยู่แล้วว่าคำตอบคือเดินหน้าเลือกตั้งต่อไป
อ้าว กลัวอะไรล่ะ ถ้าบอกว่าเลื่อนการเลือกตั้งได้ คุณสมชัยกลัวอะไรที่มาอธิบายความ ทำไมต้องปล่อยให้คุณภุชงค์ (นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.) หน้าช้ำแล้วช้ำอีก คุณเป็นด็อกเตอร์คุณมาเลย บอกว่ากฎหมายมาตรานี้เลื่อนการเลือกตั้งได้การอ้างของ กกต.ว่า เดินหน้าเลือกตั้งต่อไปทางข้างหน้าอาจเป็นนรก เป็นการสร้าง Scenario ในขณะที่ยังไม่ลองทำงานเลย อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ สปป.บอกว่าการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ครั้งนี้ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 แล้ว ในฐานะนักกฎหมาย ผมเห็นด้วยกับอาจารย์วรเจตน์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ ให้จำมาตรฐานนี้ไว้นะ ถ้าทำอย่างนี้แล้วบอกว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ ครั้งหน้าถ้ามีกลุ่มการเมืองอื่นจะเป็นปัญหาอย่างมากต่อประเทศ มันไม่ใช่...คุณไปยึดกระทรวง เอาโซ่ไปคล้องกระทรวง ให้กระทรวงนั้นกรมนี้หยุดทำงาน คุณให้ฝ่ายบริหารทำงานไม่ได้เลย คุณประกาศจัดกองกำลัง 500 คนจับนายกฯ ประกาศจับรัฐมนตรีแก้ผ้า ตัดน้ำ ตัดไฟ ประกาศเลยว่าตนเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์แล้ว ออกคำสั่งฉบับที่ 1 ฉบับที่ 2 อย่างนี้ยังเป็นการชุมนุมโดยสงบหรือไม่
ศาลอาจมองแค่การปราศรัยปลุกอารมณ์มวลชน ไม่มีผลทางปฏิบัติจริง
ไม่ได้ ไม่ได้ มันยุยงให้กระด้างกระเดื่อง แล้วมันมีการลงมือปฏิบัติจริง ไม่ใช่พูดบนเวทีเฉย ๆ คุณถาวรบุกโรงพิมพ์คุรุสภา ตัดน้ำ ตัดไฟ ทำจริงทุกอย่าง นายกฯเข้าทำเนียบไม่ได้
การชุมนุมของ กปปส.กับการชุมนุมของคนเสื้อแดงในปี 2553 เข้าข่ายมาตรา 68 เหมือนกันหรือไม่
ผมไม่ได้มองลำเอียง แต่เวลานี้ข้อเรียกร้องของ กปปส.เทียบกับ นปช.ปี 2553 มันต่างกัน นปช.เรียกร้องชัดเจนให้รัฐบาลยุบสภา เป็นข้อเรียกร้องทางการเมืองนำไปสู่หีบบัตรเลือกตั้ง แต่ข้อเรียกร้องครั้งนี้ไม่ใช่วิถีทางที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจคือไม่ให้เลือกตั้ง มันคนละเวอร์ชั่นเลย นี่มันเห็นแล้วว่าระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย ส่วนข้อเรียกร้องการปฏิรูปของ กปปส. ขอตั้งคำถามว่าจะปฏิรูปทุกอย่างหรือเปล่า เราคอยดูเถอะเขาจะปฏิรูประบบเลือกตั้ง วันนี้นายสุเทพยังถูกฟ้องฐานทุจริตเลือกตั้งอยู่ที่ศาลจังหวัดเกาะสมุย แล้วจะปฏิรูปอะไร
แล้วคนที่ขึ้นเวที 80 เปอร์เซ็นต์เป็นภาคการเมืองหมด เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แล้วถามว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่มา 60 ปี ช่วยบอกมาสักอย่างว่าคุณปฏิรูปอะไรได้บ้าง ที่อยู่มา 60 ปี ปฏิรูปอะไรสำเร็จสักเรื่องไหม ยังถูกกล่าวหาว่าทุจริตโรงพักทดแทน ทุจริตไทยเข้มแข็งหลายโครงการ แต่พอฝั่งพรรคเพื่อไทยนายกฯจะขยับ บอกว่าฝั่งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยหยุดพูด ห้ามพูด ไม่เชื่อถือ ต้องหยุดพูด หยุดทำงาน หยุดทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วให้พรรคประชาธิปัตย์ฝั่งเดียวพูดได้ ความเป็นธรรมมันอยู่ตรงไหน มนุษย์เท่ากัน แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างมันไม่เกิด แล้วที่เลวร้ายที่สุดคือปลูกฝังให้คนไทยเกลียดกัน ถ้าบรรยากาศทำให้คนไทยเกลียดกัน ทำทุกวัน ทำทุกอาทิตย์ ทำเป็นเดือน ถามว่า กปปส. พรรคประชาธิปัตย์ คุณจะไปปฏิรูปกับใคร คุณแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างคุณยังทำไม่ได้เลย อีกหน่อยคุณไปตั้งเวทีปฏิรูปอีสาน เหนือ ถ้าทำอย่างนี้เขาก็ตีเอา คุณจะต้องโทษตัวคุณเองเลยนะ ผมพิพากษาพวกคุณนับแต่วันนี้เลยว่าคุณสร้างความเกลียดชังให้คนไทย คุณไม่มีทางสร้างปฏิรูปได้เลย ยืนยันวันนี้ นักวิชาการ ปรมาจารย์ที่ขึ้นเวที ต้องหยุด ณ วันนี้ หยุดสร้างความเกลียดชัง ถ้าหยุดไม่ได้..จบ ประเทศร้องไห้ ถ้าเอาประเทศเป็นตัวตั้งร้องไห้กันทั้งประเทศแล้ว
พรรคเพื่อไทยระบุว่าจะฟ้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไปขึ้นเวที เข้าข่ายขัดมาตรา 68
ยังต้องดูว่ายังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ทุกคนหรือเปล่า เพราะแกนนำไม่มีใครพูดชัดเหมือนนายสุเทพว่าไม่เล่นการเมืองอีกแล้ว แต่แกนนำอีก 7 คน รวมถึงคนอื่น ๆ ในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้บอกพอทีเหมือนนายสุเทพ ดังนั้น เมื่อยังเป็นสมาชิกพรรคมันก็ถูกบังคับโดยข้อบังคับพรรค คือต้องยึดมั่นในรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเอารัฐธรรมนูญมาตรา 68 เป็น
ตัวตั้ง ทำให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองที่ไม่ได้บัญญัติในรัฐธรรมนูญ ตัวผมคิดว่าเข้าองค์ประกอบแล้วตอนนี้ ผลัดกันขึ้นเวทีปลุกระดม แบ่งแยกหน้าที่กันทำชัดเจน เพราะตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน ต้องเอามาพิจารณาพร้อมกันหมดไม่ต้องรอให้การกระทำสำเร็จ
ทุกวันนี้บ้านเมืองเสียหายไหมล่ะ แค่ไม่มีการเลือกตั้งผมก็ว่ามันสำเร็จแล้ว แค่ 8 จังหวัด 28 เขต ก็สมประสงค์แล้ว เข้าองค์ประกอบยุบพรรคแล้ว ผมยังคิดว่ากินอะไรถึงไม่กลัว มีอะไรดีอยู่ข้างหลังที่ทำให้พวกนี้ไม่กลัวทำผิดกฎหมายบ้านเมืองเลย เอาอย่างงี้ดีกว่า ถ้าทำเวอร์ชั่นนี้แบบนี้ พรรคเพื่อไทยไม่กล้าทำ
ในรอบ700 กว่าวันของรัฐนาวาลำนี้ "พิชิต" เข้า - ออกทั้งห้องประชุมรัฐสภาในตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย และตึกบัญชาการไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะมือเนติแห่งพรรคเพื่อไทย
"ประชาชาติธุรกิจ" สนทนากับเขายามที่รัฐบาล-พรรคเพื่อไทย ต้องประสบกับภัยการเมือง ทั้งจากตุลาการภิวัตน์ เกมข้างถนน หรือต้องปะทะกับอำมาตย์
ทุกคำชี้แจง ทุกคำแก้ต่าง ทุกคำสู้ที่เขาเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการ ถูกกลั่นออกมาเป็นท่าทีของพรรคเพื่อไทย และรัฐบาล จะปรากฏในบรรทัดต่อไป
รัฐบาลสามารถเลื่อนเลือกตั้งได้หรือไม่
กรณีนี้ เมื่อมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป มันออกโดยอาศัยรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 และ 184 โดยในมาตรา 108 กำหนดวันเลือกตั้งไม่เกิน 60 วัน ซึ่งนัยสำคัญคือวันเลือกตั้ง ขณะที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง
ส.ว. (พ.ร.บ.เลือกตั้ง) มาตรา 4 ได้จำกัดคำนิยามคำวันเลือกตั้งไว้ หมายถึงวันที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาให้กำหนดเป็นวันเลือกตั้ง ดังนั้น วันเลือกตั้งมันเท่ากับมีในรัฐธรรมนูญ มีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ มีพระราชกฤษฎีกา 3 ล็อก 3 ชั้นแน่นหนา เพราะฉะนั้นวันเลือกตั้งเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ตามกฎหมาย มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวมันเองโดยมีกฎหมายรองรับ คนที่รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาคุณจะต้องปฏิบัติ 3 อย่าง ปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 ปฏิบัติให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง มาตรา 4 และคุณมีหน้าที่บังคับการให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกายุบสภากำหนดวันเลือกตั้ง ทำให้การเลื่อนการเลือกตั้งมันเกิดไม่ได้
ยืนยันว่าก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทยเราไม่เคยเลื่อนการเลือกตั้งทั่วไป ที่คุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี) บอกว่า ปี 2549 มีพระราชกฤษฎีกาเลื่อนวันเลือกตั้งนั้น ในสมัยคุณทักษิณ ชินวัตร คือพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมการเลือกตั้ง 2549 อันนั้นมันเกิดขึ้นได้เพราะศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่าการเลือกตั้ง 2 เม.ย.มันไม่สุจริตและเที่ยงธรรม จึงมีคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่ พอเลือกตั้งใหม่ก็ต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้น จึงไม่มีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญเลยว่า สามารถเลื่อนเลือกตั้งได้
ส่วน พ.ร.บ.เลือกตั้งก็ไม่มีบทบัญญัติให้ กกต.เลื่อนการเลือกตั้ง โดยมาตรา 78 หมายความว่า ก่อนวันเลือกตั้งมีเหตุอุทกภัย จลาจล หรือเหตุจำเป็นอย่างอื่น แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเหตุอุทกภัย จลาจลทั้งประเทศ แต่มันเป็นเหตุเฉพาะหน่วยเลือกตั้งนั้น ๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นเฉพาะเขตที่รับสมัคร ส.ส.ไม่ได้ 8 จังหวัด แต่ส่วนที่เขาสมัคร ส.ส.ได้ต้องลงคะแนน ปัญหาคือจะต้องลงคะแนนให้ได้ เพราะวันที่ 2 ก.พ.จะมีตัวละคร 3 ตัวละคร 1.ผู้สมัคร พรรคการเมือง 2.ประชาชนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน 3.กกต.
ปัญหาเวลานี้ ผู้สมัครเขาสมัครไม่ได้ เมื่อผู้สมัครสมัครไม่ได้ ประชาชนก็ลงคะแนนไม่ได้ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเขามีคำวินิจฉัยล่าสุดยกคำร้องกรณีสมัครเลือกตั้งไม่ได้ ว่าเป็นหน้าที่ของ กกต. โดยต้องกำหนดวิธีการหลักเกณฑ์การรับสมัครให้ได้ เพื่อให้มีการเลือกตั้งทั่วไปทั้งประเทศในวันเดียวกัน แต่ปรากฏว่าคุณสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้งบอกว่า จะเอาปัญหา 8 จังหวัด 28 เขตไปเลือกตั้งหลังวันที่ 2 ก.พ. ขอตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าคุณทำอย่างนี้แล้วปรากฏว่ามีคนไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ บอกว่าการเลือกตั้งทั่วไปจัด 2 ครั้ง ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 108 ตกเป็นโมฆะ กกต. 5 คนต้องรับผิดชอบนะ เพราะศาลฎีกาก็บอกให้ทำแต่ไม่ทำ
และที่สำคัญประธาน กกต.ก็ยอมรับต่อสื่อมวลชนเองว่าเลื่อนการเลือกตั้งไม่ได้ แต่พูดไม่เป็นเสียงเดียวกันกับนายสมชัยพยายามดิ้นรนขอพบนายกฯ พยายามส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ พยายามสร้างเรื่องให้เกิดความขัดกันระหว่างผู้รักษาการตามกฎหมายคือ ประธาน กกต.กับนายกฯ แต่อย่าลืมว่าทั้งนายกฯและประธาน กกต.จะใช้อำนาจอะไรต้องใช้ให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม ต้องไม่เลือกปฏิบัติ และต้องมีความเสมอภาค เพราะถ้ามาตกลงกับ กกต.ว่าเลื่อนการเลือกตั้ง แล้วพรรคที่สมัครไปแล้ว หรือบางพรรคยังสมัครไม่ได้เขาฟ้องนายกฯว่าเลือกปฏิบัติ ดังนั้น เวลานี้น่าจะเป็นข้อยุติแล้ว กกต.ควรสร้างบรรยากาศให้เห็นว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ.มันมีแน่ แล้วชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
เมื่อ 8 เขตยังไม่มีผู้สมัคร กกต.สามารถจัดการเลือกตั้งได้ไหม
ในวันเลือกตั้งล่วงหน้า 26 ม.ค. และวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. กกต.ต้องจัดให้มีหน่วยเลือกตั้งปาร์ตี้ลิสต์ เพราะมันสมัครเรียบร้อยแล้ว ส่วน ส.ส.แบบเขต เวลานี้ยังยืนยันว่ามันใกล้เต็มทีแล้ว นับตั้งแต่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งวินิจฉัยว่าเป็นหน้าที่ของ กกต. กกต.ต้องตระหนักแล้ว ผมจึงยืนยันว่าการไม่ทำเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กลับยกปัญหาทั้งหมดไปหลังวันที่ 2 ก.พ. ถ้ามีองค์กรชี้ว่าการจัดเลือกตั้งเพิ่มเติมไม่ถูก เท่ากับ 2 เด้ง 1.ทำให้การเลือกตั้งเสียหาย 2.งบประมาณที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเตือนมาว่าการเลือกตั้งอาจไม่คุ้มค่า 3,800 ล้านบาท กกต.ต้องรับผิดชอบ ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำละเมิดทำให้เสียหาย
กกต.บางท่านบอกว่าใช้รัฐธรรมนูญ ม.93 วรรคท้ายเทียบเคียงกันได้
ไอ้นั่นมันต้องเป็นหลังการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ยืนยันเลย มันต้องบอกก่อนว่าการเลือกตั้งทั่วไปมันเลื่อนไม่ได้ มองกฎหมายผิด แล้วมาตรา 93 ที่มาหยิบยกมันต้องมีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว หลักคิดคนเป็น กกต.ต้องให้เลือกตั้งก่อน แล้วการเลื่อนมันเป็นข้อยกเว้น แต่คุณกลับเอาข้อยกเว้นมาเป็นหลัก แล้วเอาหลักมาเป็นข้อยกเว้น มันกลับกัน คุณเอาสิ่งเล็กที่รับสมัครไม่ได้ 8 จังหวัด แสดงว่าคุณไม่เคารพส่วนใหญ่ แล้วคุณไม่คิดถึง 60 กว่าจังหวัดที่เหลือเหรอ
เรียกร้อง กกต. 4 ท่าน ต้องใช้มติกับคุณสมชัยบ้าง เอามติเข้าว่า อย่าเกรงอกเกรงใจกัน ประธาน กกต. (ศุภชัย สมเจริญ)เป็นลูกศิษย์นายสมชัยตอนเรียนปริญญาโทที่ ม.ธรรมศาสตร์ ใครเขาก็รู้ เวลานี้มันเป็นเรื่องหน้าที่
ส่วนที่ยกเป็นข้ออ้างว่ามีการขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้ง ยังไม่เห็นไปแจ้งความกับใครเลย พ.ร.บ.เลือกตั้งระบุว่า ใครขัดขวางการเลือกตั้ง การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน จะมีบทลงโทษ ชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. มาบุกโรงพิมพ์คุรุสภา นี่ก็เข้าข่ายขัดขวางการเลือกตั้งแล้ว และที่ผ่านมา 8 จังหวัดแจ้งความใครบ้าง ได้แต่ไปลงบันทึกประจำวันว่าเจ้าหน้าที่ทำงานไม่ได้ แต่ต้องแจ้งร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดี
เมื่อคุณไม่ทำกฎหมายให้เข้มแข็งก่อน หลักนิติศาสตร์ต้องมาก่อนรัฐศาสตร์ แต่ไม่ใช่นิติศาสตร์ยืดหยุ่นไม่ได้ ต้องใช้แบบ Balance กัน แต่คุณทิ้งหลักนิติศาสตร์ไปเลยไม่ได้ คุณบอกมุ่งเจรจาแล้วการทำหนังสือถึงรัฐบาลเสนอนายกฯให้มีพระราชกฤษฎีกาเลื่อนการเลือกตั้ง พร้อมให้ทุกพรรคการเมืองทำความเข้าใจกัน แต่เวลานายกฯเรียกประชุมทุกพรรคการเมือง ยังไม่เห็น กกต.ทั้ง 5 ไปรับฟังความเห็นเลย กลัวอะไรล่ะ ทำไมต้องคุยกับนายกฯ 2 คนก่อน
แล้วสถานะหนึ่งของคุณยิ่งลักษณ์เป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย และเป็นนายกฯ เขาจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังว่าการที่เขามี 2 สถานะในปัจจุบัน เขาทำอะไรที่เลือกปฏิบัติต่อพรรคการเมืองอื่นหรือเปล่า เพราะพรรคเล็กเขาก็กล่าวดำเนินคดีนายกฯและ กกต.ได้ จึงเป็นสิ่งที่นายกฯระวังมาก และยังต้องให้ความสำคัญกับคนเสื้อขาว กลุ่มพอกันที กลุ่ม 2 เอา 2 ไม่เอา กลุ่มสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.) แล้วถ้าคุณยิ่งลักษณ์ไปตกลงเลื่อนวันเลือกตั้งสิ คนกลุ่มนี้จะเอาเรื่องคุณยิ่งลักษณ์ไหม ทำไมไม่เอาหัวใจคุณยิ่งลักษณ์ไปใส่บ้าง
ที่ กกต.ไม่ยอมมาร่วมประชุม เพราะรู้อยู่แล้วว่าคำตอบคือเดินหน้าเลือกตั้งต่อไป
อ้าว กลัวอะไรล่ะ ถ้าบอกว่าเลื่อนการเลือกตั้งได้ คุณสมชัยกลัวอะไรที่มาอธิบายความ ทำไมต้องปล่อยให้คุณภุชงค์ (นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.) หน้าช้ำแล้วช้ำอีก คุณเป็นด็อกเตอร์คุณมาเลย บอกว่ากฎหมายมาตรานี้เลื่อนการเลือกตั้งได้การอ้างของ กกต.ว่า เดินหน้าเลือกตั้งต่อไปทางข้างหน้าอาจเป็นนรก เป็นการสร้าง Scenario ในขณะที่ยังไม่ลองทำงานเลย อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ สปป.บอกว่าการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ครั้งนี้ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 แล้ว ในฐานะนักกฎหมาย ผมเห็นด้วยกับอาจารย์วรเจตน์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ ให้จำมาตรฐานนี้ไว้นะ ถ้าทำอย่างนี้แล้วบอกว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ ครั้งหน้าถ้ามีกลุ่มการเมืองอื่นจะเป็นปัญหาอย่างมากต่อประเทศ มันไม่ใช่...คุณไปยึดกระทรวง เอาโซ่ไปคล้องกระทรวง ให้กระทรวงนั้นกรมนี้หยุดทำงาน คุณให้ฝ่ายบริหารทำงานไม่ได้เลย คุณประกาศจัดกองกำลัง 500 คนจับนายกฯ ประกาศจับรัฐมนตรีแก้ผ้า ตัดน้ำ ตัดไฟ ประกาศเลยว่าตนเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์แล้ว ออกคำสั่งฉบับที่ 1 ฉบับที่ 2 อย่างนี้ยังเป็นการชุมนุมโดยสงบหรือไม่
ศาลอาจมองแค่การปราศรัยปลุกอารมณ์มวลชน ไม่มีผลทางปฏิบัติจริง
ไม่ได้ ไม่ได้ มันยุยงให้กระด้างกระเดื่อง แล้วมันมีการลงมือปฏิบัติจริง ไม่ใช่พูดบนเวทีเฉย ๆ คุณถาวรบุกโรงพิมพ์คุรุสภา ตัดน้ำ ตัดไฟ ทำจริงทุกอย่าง นายกฯเข้าทำเนียบไม่ได้
การชุมนุมของ กปปส.กับการชุมนุมของคนเสื้อแดงในปี 2553 เข้าข่ายมาตรา 68 เหมือนกันหรือไม่
ผมไม่ได้มองลำเอียง แต่เวลานี้ข้อเรียกร้องของ กปปส.เทียบกับ นปช.ปี 2553 มันต่างกัน นปช.เรียกร้องชัดเจนให้รัฐบาลยุบสภา เป็นข้อเรียกร้องทางการเมืองนำไปสู่หีบบัตรเลือกตั้ง แต่ข้อเรียกร้องครั้งนี้ไม่ใช่วิถีทางที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจคือไม่ให้เลือกตั้ง มันคนละเวอร์ชั่นเลย นี่มันเห็นแล้วว่าระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย ส่วนข้อเรียกร้องการปฏิรูปของ กปปส. ขอตั้งคำถามว่าจะปฏิรูปทุกอย่างหรือเปล่า เราคอยดูเถอะเขาจะปฏิรูประบบเลือกตั้ง วันนี้นายสุเทพยังถูกฟ้องฐานทุจริตเลือกตั้งอยู่ที่ศาลจังหวัดเกาะสมุย แล้วจะปฏิรูปอะไร
แล้วคนที่ขึ้นเวที 80 เปอร์เซ็นต์เป็นภาคการเมืองหมด เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แล้วถามว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่มา 60 ปี ช่วยบอกมาสักอย่างว่าคุณปฏิรูปอะไรได้บ้าง ที่อยู่มา 60 ปี ปฏิรูปอะไรสำเร็จสักเรื่องไหม ยังถูกกล่าวหาว่าทุจริตโรงพักทดแทน ทุจริตไทยเข้มแข็งหลายโครงการ แต่พอฝั่งพรรคเพื่อไทยนายกฯจะขยับ บอกว่าฝั่งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยหยุดพูด ห้ามพูด ไม่เชื่อถือ ต้องหยุดพูด หยุดทำงาน หยุดทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วให้พรรคประชาธิปัตย์ฝั่งเดียวพูดได้ ความเป็นธรรมมันอยู่ตรงไหน มนุษย์เท่ากัน แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างมันไม่เกิด แล้วที่เลวร้ายที่สุดคือปลูกฝังให้คนไทยเกลียดกัน ถ้าบรรยากาศทำให้คนไทยเกลียดกัน ทำทุกวัน ทำทุกอาทิตย์ ทำเป็นเดือน ถามว่า กปปส. พรรคประชาธิปัตย์ คุณจะไปปฏิรูปกับใคร คุณแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างคุณยังทำไม่ได้เลย อีกหน่อยคุณไปตั้งเวทีปฏิรูปอีสาน เหนือ ถ้าทำอย่างนี้เขาก็ตีเอา คุณจะต้องโทษตัวคุณเองเลยนะ ผมพิพากษาพวกคุณนับแต่วันนี้เลยว่าคุณสร้างความเกลียดชังให้คนไทย คุณไม่มีทางสร้างปฏิรูปได้เลย ยืนยันวันนี้ นักวิชาการ ปรมาจารย์ที่ขึ้นเวที ต้องหยุด ณ วันนี้ หยุดสร้างความเกลียดชัง ถ้าหยุดไม่ได้..จบ ประเทศร้องไห้ ถ้าเอาประเทศเป็นตัวตั้งร้องไห้กันทั้งประเทศแล้ว
พรรคเพื่อไทยระบุว่าจะฟ้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไปขึ้นเวที เข้าข่ายขัดมาตรา 68
ยังต้องดูว่ายังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ทุกคนหรือเปล่า เพราะแกนนำไม่มีใครพูดชัดเหมือนนายสุเทพว่าไม่เล่นการเมืองอีกแล้ว แต่แกนนำอีก 7 คน รวมถึงคนอื่น ๆ ในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้บอกพอทีเหมือนนายสุเทพ ดังนั้น เมื่อยังเป็นสมาชิกพรรคมันก็ถูกบังคับโดยข้อบังคับพรรค คือต้องยึดมั่นในรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเอารัฐธรรมนูญมาตรา 68 เป็น
ตัวตั้ง ทำให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองที่ไม่ได้บัญญัติในรัฐธรรมนูญ ตัวผมคิดว่าเข้าองค์ประกอบแล้วตอนนี้ ผลัดกันขึ้นเวทีปลุกระดม แบ่งแยกหน้าที่กันทำชัดเจน เพราะตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน ต้องเอามาพิจารณาพร้อมกันหมดไม่ต้องรอให้การกระทำสำเร็จ
ทุกวันนี้บ้านเมืองเสียหายไหมล่ะ แค่ไม่มีการเลือกตั้งผมก็ว่ามันสำเร็จแล้ว แค่ 8 จังหวัด 28 เขต ก็สมประสงค์แล้ว เข้าองค์ประกอบยุบพรรคแล้ว ผมยังคิดว่ากินอะไรถึงไม่กลัว มีอะไรดีอยู่ข้างหลังที่ทำให้พวกนี้ไม่กลัวทำผิดกฎหมายบ้านเมืองเลย เอาอย่างงี้ดีกว่า ถ้าทำเวอร์ชั่นนี้แบบนี้ พรรคเพื่อไทยไม่กล้าทำ
ที่มา prachachat.net
