สถานการณ์การเมืองไทยกำลังถึงจุดที่เรียกได้ว่า "ไร้ทางออก" ขยับไปทางไหนก็ยาก และดูจะสายเกินไป
ฝ่ายรัฐบาลจะตัดสินใจเลื่อนเลือกตั้ง ก็กลัวเสียหน้า เสียอำนาจต่อรอง และกลัวผิดกฎหมาย ทำผิดรัฐธรรมนูญ ถูกยื่นสอยจนหมดอนาคตทางการเมือง
ฝ่าย กกต.จะแสดงจุดยืนชัดๆ ให้เลื่อนเลือกตั้ง ก็กลัวถูกกล่าวหาดำเนินคดีในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง กลับเสนอเลื่อนเลือกตั้ง ครั้นจะลาออก ก็จะยิ่งเข้าทางพวกจ้องเล่นงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้น
ฝ่าย กปปส.ก็ตั้งเงื่อนไขของตนเองไว้สูงลิบ ทั้งรัฐบาลรักษาการลาออก เลื่อนเลือกตั้ง ตั้งสภาประชาชนปฏิรูปประเทศ โดยไม่มีความชัดเจนเรื่องกระบวนการคัดเลือกตัวบุคคลเข้าเป็นสภาประชาชนฯที่ทุกฝ่ายยอมรับ
ด้านกองทัพ ก็ได้แต่ให้สัมภาษณ์เชิงขู่ให้หนังสือพิมพ์เอาไปพาดหัวข่าวรายวัน แต่ยังมองไม่เห็นหนทางที่จะคลี่คลายวิกฤติได้
อะไรๆ จึงดูเหมือน "ติดล็อก" ไปหมด
พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" โดยยอมรับอย่างปลงๆ กับสถานการณ์ว่า สถานการณ์ขณะนี้ "โอกาสจบยากขึ้นเรื่อยๆ โอกาสเจรจาไม่มีเลย ส่วนโอกาสเกิดสงครามกลางเมืองมีมากกว่า"
ในมุมมองของ พล.อ.เอกชัย เขาอธิบายว่า หากสถานการณ์เดินหน้าสู่การปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ว่าจะรูปแบบใด โอกาสเกิดสงครามกลางเมืองยิ่งมากขึ้น โดยการปฏิวัตินั้น เป็นไปได้ 3 แบบ คือ
1.ปฏิวัติโดยทหาร ย่อมถูกต่อต้านและตอบโต้จากมวลชนคนเสื้อแดงอย่างกว้างขวาง ซึ่งน่าจะเกิดสงครามกลางเมืองแน่
2.ปฏิวัติโดยประชาชน (กลุ่มนายสุเทพ) ถ้าทำสำเร็จก็จะถูกต่อต้านจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยและอาจบานปลายกลายเป็นความรุนแรงได้เช่นกัน
3.ปฏิวัติโดยรัฐบาลเอง
"การปฏิวัติรูปแบบที่ 3 นี้มีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน แต่รัฐบาลต้องเกลี้ยกล่อมคนเสื้อแดงไม่ยอม เพราะการปฏิวัติจะทำให้รัฐบาลได้ประโยชน์ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกับองค์กรอิสระที่มีอยู่ ทำให้รัฐบาลไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้แล้ว เรียกว่าถึงทางตันแล้ว ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.หรือไม่ เพราะหากเลือกตั้งได้ ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้อยู่ดี ซ้ำยังมีสมาชิกรัฐสภาอีกกว่า 300 คน รอถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด และต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่อีก"
พล.อ.เอกชัย บอกอีกว่า การปฏิวัติยังสามารถเกิดได้ทุกเมื่อ เพราะทุกครั้งที่มีการปฏิวัติ ก็จะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม การปฏิวัติจึงทำได้อย่างปลอดภัย หากปฏิวัติแล้วถูกประหารชีวิตทุกกรณี ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ก็คงไม่มีใครกล้าทำ
"สถานการณ์มาถึงจุดนี้ ทุกฝ่ายต้องการให้เกิดสุญญากาศ ฝ่าย กปปส.ประกาศตลอดว่าต้องการสุญญากาศจากการที่นายกฯลาออกจากรักษาการ แล้วเขาจะตั้งสภาประชาชน ส่วนรัฐบาลก็ต้องการสุญญากาศเหมือนกัน เพราะรัฐธรรมนูญนี้ทำให้รัฐบาลทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว"
"ฉะนั้นความเสี่ยงเรื่องความรุนแรงยังคงมีอยู่ และสิ่งที่เกิดขึ้นแทบทุกวันคือความรุนแรงประปราย ปาประทัดใส่การ์ดและสถานที่ชุมนุม เพราะมีทั้งคนพอใจและไม่พอใจ ซึ่งเสี่ยงที่จะลุกลามได้ทุกเมื่อ และเมื่อความรุนแรงเกิด หากทหารออกมาปฏิวัติ สถานการณ์ก็จะพลิกไปสู่สุญญากาศอีกแบบหนึ่ง"
พล.อ.เอกชัย กล่าวด้วยว่า ทางออกทุกทางออก ถึงนาทีนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด แม้กระทั่งการทำรัฐประหาร เพราะฝ่ายรัฐบาลก็มีมวลชนคอยต่อต้าน ตอบโต้ แต่หากรัฐบาลทำเอง ก็จะมีมวลชนอีกฝ่ายไม่ยอม เช่นเดียวกับที่ กปปส.ประกาศจะจับตัวนายกฯ ก็ทำไม่ได้ง่ายๆ เหมือนกัน แม้จะทำได้ แต่ถามว่ามวลชนอีกมากมายจะยอมหรือ ฉะนั้นทางออกทุกทางจึงเหมือนถูกปิด
ผู้ว่าฯ ชุมพรไม่พอใจ 'กกต.' วอลค์เอาท์วงถกความพร้อม ลต.
-
[image: ผู้ว่าฯ ชุมพรไม่พอใจ 'กกต.' วอลค์เอาท์วงถกความพร้อม ลต.]
*ผู้ว่าฯ ชุมพร แสดงความเห็นไม่พอใจการทำหน้าที่ของ
กกต.และวอล์คเอาท์จากที่ประชุมหารือความ...
10 ปีที่ผ่านมา