วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

บทเรียน จากจีน กรณี ปฏิวัติ วัฒนธรรม เงาสะท้อน ถึงไทย








ยากอย่างยิ่งที่จะเข้าใจสถานการณ์การบุกเข้าทำลายป้าย "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ยากอย่างยิ่งที่จะเข้าใจสถานการณ์การบุกมัสยิดบ้านสุโสะ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง

หากไม่เคยรับรู้เรื่อง "การปฏิวัติวัฒนธรรม" ของจีน

คล้ายกับว่า การปฏิวัติวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่เริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม 1966 (พ.ศ.2509) เมื่อประธาน เหมา เจ๋อ ตุง ประกาศให้

"บอมบาร์ด เฮดควอเตอร์"

แต่ความจริงได้ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ตั้งแต่เมื่อเหมาเริ่มแคลงใจต่อ หลิว ส้าว ฉี และ เติ้ง เสี่ยว ผิง ที่ได้กุมอำนาจนำภายในพรรคคอมมิวนิสต์

การปลดจอมพล เผิง เต้อ หวาย จากกระทรวงกลาโหม คือ การตระเตรียม

เพราะเมื่อปลดจอมพล เผิง เต้อ หวาย ออกไป นั่นหมายถึง การแต่งตั้ง จอมพล หลิน เปียว เข้าดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแทน

จึงมีความมั่นใจให้ "โจมตี กองบัญชา

การ"

อันเท่ากับพุ่งปลายหอกเข้าใส่อำนาจนำภายในพรรคคอมมิวนิสต์ โดยมี หลิว ส้าว ฉี

เป็นหมายเลข 1 เติ้ง เสี่ยว ผิง เป็นหมายเลข 2

นั่นคือ จุดเริ่มแห่งการปฏิวัติวัฒนธรรม



กําลังของประธาน เหมา เจ๋อ ตุง ในการดำเนินปฏิวัติวัฒนธรรม 1 กองทัพปลดแอกประชาชนจีน 1 คือ เยาวชนเรด

การ์ด

บทบาทของเรดการ์ดนั้นเหมาอุปมาเหมือนการปรากฏขึ้นของ "เห้งเจีย"

แต่เรดการ์ดมิได้ได้ของวิเศษจากการฝึกปรือวิทยายุทธ์ด้วยตนเองแบบ เห้งเจีย หากแต่ได้รับการเนรมิตจากอำนาจและบารมีของ เหมา เจ๋อ ตุง

โดยมี หลิน เปียว และแก๊ง 4 คน เป็นกำลังสำคัญ

เรดการ์ดนั่นแหละคือปลายหอกที่ เหมา เจ๋อ ตุง ใช้เป็นกองหน้าในการไปทำลายกรรมการบริหารกลางพรรคคอมมิวนิสต์ที่นำโดย หลิว ส้าว ฉี และ เติ้ง เสี่ยว ผิง

เป็น "ฝ่ายนำ" แต่มิอาจ "บริหาร" ได้

อาวุธสำคัญ คือ การชุมนุมและเคลื่อน

ไหวมวลชน ปิดสถานที่ราชการ ยึดสถานที่ราชการ ใช้หนังสือพิมพ์กำแพง เปิดโปง โจมตี

กล่าวหาว่าเป็นผู้เดินแนวทางทุนนิยม พวกลัทธิแก้ ค้านพรรค

หลิว ส้าว ฉี ถูกปลดจากตำแหน่งประธานาธิบดี ถูกขับออกจากพรรค ติดคุกและตายอย่างอนาถในคุก เมียและลูกถูกทรมานอย่างทารุณให้ได้รับความอัปยศ เติ้ง เสี่ยว ผิง ถูกปลดออกจากตำแหน่งทางการเมืองและในพรรค ถูกลงโทษให้ไปใช้แรงงาน

คุ้นๆ ไหม ได้กลิ่นเหมือนๆ กันหรือไม่



ถามว่าเหตุผลอะไรที่ เหมา เจ๋อ ตุง ใช้เพื่อดำเนินการปฏิวัติวัฒนธรรม

คำตอบ 1 เพื่อต่อต้านการเข้ามายึดครองพรรคของพวกเดินแนวทางทุนนิยม

อันเป็นการชำระล้างเพื่อความบริสุทธิ์ของพรรคแห่งชนชั้นกรรมาชีพ

กระนั้น คำตอบแท้จริง ซึ่งค่อยๆ คลี่ตัวออกมาให้เห็นเป็นลำดับ 1 ซึ่งสำคัญคือ การรักษาอำนาจการนำให้อยู่ในมือของเหมา

ในนามแห่งความปรารถนาดีต่อชนชั้นกรรมกรและชาวนา

มิตรร่วมรบที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาตั้งแต่ร่วมก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อปี ค.ศ.1921 (พ.ศ.2464) ล้วนถูกวิพากษ์โจมตี ถูกปลดออกจากตำแหน่งทั้งในพรรคและในทางการเมือง

แม้กระทั่ง นายกรัฐมนตรี โจว เอิน ไหล ก็ยังเครียด

การปฏิวัติวัฒนธรรมดำเนินมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 1966 (พ.ศ.2509) กว่าจะยุติก็เมื่อเดือนตุลาคม 1976 (พ.ศ.2519)

ยาวนานร่วม 10 ปี

เป็น 10 ปีแห่งการฝันร้ายของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็น 10 ปีแห่งการฝันร้ายของคนจีน

ต่อเมื่อ เหมา เจ๋อ ตุง ถึงแก่อสัญกรรม ต่อเมื่อจอมพล เย่ เจียน อิง ได้นำกำลังทหารจัดการกับแก๊ง 4 คน อันนำโดย นางเจียง ชิง นั่นหรอกจึงได้ยุติ

เปิดทางให้ "เติ้ง เสี่ยว ผิง" ได้ "ปฏิรูป" ประเทศ



การจะทำความเข้าใจสถานการณ์การต่อสู้ทางการเมืองของไทยจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดจากจีน

จะจับเอาตอนเริ่มยุค พ.ต.ท.ทักษิณ

ชินวัตร ก็ได้ จะจับเอาตอนรัฐประหารเพื่อกำจัด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในเดือนกันยายน 2549 ก็ได้

ทั้งหมดล้วน "เกี่ยวเนื่อง" สัมพันธ์และ "ยึดโยง" กัน




ขอบคุณบทความจาก matichon.co.th

เข้าดูมากที่สุด 7 วันที่ผ่านมา