วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

ตามหาพยานปากเอกซิ่งจยย.ล้มตอนยิงถล่ม




ตามหาพยานปากเอกซิ่งจยย.ล้มตอนยิงถล่ม

เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่โรงพยาบาลเอกอุดร เทศบาลนครอุดรธานี นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา อายุ 61 ปี ได้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องพิเศษชั้น 7 จากอาการบาดเจ็บถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนอาร์ก้ายิงถล่ม กระสุนถูกที่แขนขวา 2 นัด ขาขวา 1 นัด แพทย์ได้ทำการตรวจรักษาและผ่าตัด จนอาการปลอดภัยนำออกจากห้อง ไอซียู.ตั้งแต่เย็นวานนี้ โดยมีภรรยาเฝ้าดูอาการ ขณะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบ พร้อมอาวุธครบมือคอนดูแลความปลอดภัย ทั้งประตูทางเข้าโรงพยาบาล ตามชั้นต่างๆ จนบริเวณหน้าห้อง

ต่อมาเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนคลี่คลายคดี พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.สส.ภ.4 พร้อม พ.ต.อ.จักฎ์กฤษณ์ จันทร์รัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.สุรินทร์ ชัยชมภู รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เดินทางเข้าเยี่ยมนายขวัญชัยฯที่ห้อง ก่อนจะสอบสวนนายขวัญชัยฯ อย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยปิดห้องห้ามบุคคลภายนอกเข้านานกว่า 30 นาที

พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ รอง ผบช.ภ.4 หัวหน้าชุดสืบสวน เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีคนร้ายลอบยิงนายขวัญชัยฯว่า ความคืบหน้าในคดี ได้มีการส่งหัวกระสุนปืนที่เก็บได้ภายในตัวบ้าน 10 หัว ไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ทราบผลว่าเป็นการยิงจากปืนแบบ AK 47 หรือปืนอาร์ก้าทั้ง 2 กระบอก ส่วนผลตรวจสอบไปเทียบว่าอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอก เคยไปใช้ก่อเหตุที่ไหนบ้าง กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ส่วนภาพจากกล้องวงจรตั้งแต่ปากทางเข้าแยกสามพร้าว มาตามเส้นทาง จนมาถึงจุดก่อเหตุ และเส้นทางที่หลบหนี ทางตำรวจกำลังเร่งทำการเก็บภาพระหว่างทาง ทั้งของเทศบาลตำบลหนองบัว และห้างร้านที่ติดตั้งหกล้องวงจรปิด เพื่อที่จะนำมาตรวจสอบอีกครั้ง

“ ส่วนภาพสเก็ตของคนร้าย ยังไม่มีพยานผู้ใดที่จะระบุได้ชัดเจน ว่าเห็นหน้าคนร้ายที่ลงจากรถไปข้างรั้วลงมือยิงนายขวัญชัยฯ จึงยังไม่สามารถสเก็ตภาพคนร้ายได้ ซึ่งขณะเกิดเหตุมีผู้ขี่รถจักรยานยนต์ตกใจล้มฝั่งตรงข้ามจุดยิง ทางตำรวจกำลังติดตามหาตัวอยู่ เพื่อนำมาเป็นพยาน และรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ เป็นรถกระบะ โตโยต้า วีโก้ 2 ประตู แบบแคป สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ที่ฝากระโปรงหน้ามีช่องระบายอากาศ ซึ่งการที่คนร้ายใช้อาวุธสงครามแบบชำนาญอย่างนี้ เราไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นมือปืนจากกลุ่มไหน คนมีสีหรือไม่ แต่ว่าคนร้ายมีความชำนาญด้านการใช้อาวุธอย่างมาก ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายขวัญชัยฯ เคยตั้งรางวัลให้ผู้จับตัวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไว้ 5 แสนบาท จนมีการตอบโต้ในโลกโซเชียลตั้งค่าหัวนายขวัญชัยฯกลับ เรื่องนี้ทางตำรวจได้นำมาเป็นแนวทางสืบสวนในคดีหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพลฯ ตอบว่า ทางตำรวจไม่ได้ทิ้งประเด็นเรื่องนี้ออกไปทั้งหมด แต่เนื่องจากประเด็นนี้เป็นการโต้ตอบกันไปมา ระหว่างทางม๊อบที่กรุงเทพฯ กับที่อุดรธานี ซึ่งห่างไกลกันพอสมควร เราไม่ได้ทิ้งประเด็นออกไป แต่ว่าประเด็นอื่น ๆ ก็ยังมีอีก โดยแนวทางสืบสวนที่ตั้งประเด็นไว้ 3 ประเด็น คือ เรื่องส่วนตัว เรื่องการเมือง และเรื่องอื่น ๆ ทางตำรวจยังไม่มีการตัดประเด็นใดออก ซึ่งจากการเข้าสอบปากคำนายขวัญชัยฯ ก็ยังไม่ได้ระบุว่า มีสาเหตุจากเรื่องใด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายในครั้งนี้ ได้ให้ความสำคัญของเป้าผู้ก่อเหตุ 2 ประการ คือ ประการแรกไม่ประสงค์ต่อชีวิต เพราะทีมสังหารใช้เวลาเพียง 12 วินาที , มองไม่เห็นเป้าชัดเจนที่ไกลมากถึง 120 เมตร , ยังยิงใส่หลังคาบ้านแทนที่จะยิงเข้าเป้าหมาย และหากจะตั้งใจสังหาร น่าจะเลือกใช้แผนและสถานที่อื่น ประการที่สองประสงค์ต่อชีวิต โดยมือปืนมีความชำนาญยิงระยะไกลได้ดี แต่จะต้องมีคนชี้เป้าว่าอยู่ที่ระเบียงจริง แต่คนร้ายยิงพลาดเอง หรือเข้าใจว่าถูกเป้าแล้ว จึงยิงถล่มเปิดทางหลบหนี ซึ่งทั้งสองประการจะเชื่อมไปสู่ประเด็นความขัดแย้ง

ขณะที่ประเด็นความขัดแย้ง ประเด็นส่วนตัวที่ยังไม่มีความชัดเจน ขณะประเด็นการเมืองที่อยู่จำนวนมาก เฉพาะล่าสุดจากประเด็นเบาไปหาประเด็นหนัก คือ ความขัดแย้งของกลุ่มคนเสื้อแดงเองใน จ.อุดรธานี ที่กระทบกระทั่งกันมาแรมปียังไม่ยุติ , ความขัดแย้งกับกลุ่มเสื้อแดงใน นปช. โดยเฉพาะนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. ทำให้นายขวัญชัยฯประกาศไม่ใช่ นปช.มาตั้งแต่ต้น และความขัดแย้งกับนักการเมืองใน จ.อุดรธานี ที่นายขวัญชัยฯ ประกาศก่อนการยุบสภาฯว่า จะไม่ให้การสนับสนุน ส.ส.ในพื้นที่ 3 คน แม้ประเด็นนี้นายขวัญชัยฯจะยืนยันว่าไม่น่าจะใช่

ซึ่งความขัดแย้งส่วนใหญ่ เกิดจากการเคลื่อนไหว และการให้สัมภาษณ์ของนายขวัญชัยฯ ล่าสุดก็การประกาศเชิญชวนคนเสื้อแดงบริจาคเงิน 5 แสนบาท เป็นค่าหัวรางวัลนำจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขา กปปส. ตามหมายจับกบฏ จนในสื่อสังคมออนไลด์มีการโพสข้อความ คนปักษ์ใต้เกย์ทับค่าหัวขวัญชัยฯ 3 เท่า , การออกมาระบุชื่อกลุ่มทหาร ที่จัดทีมตามชิงตัวรักษาการนายกยิ่งลักษณ์ฯที่ จ.เชียงใหม่ และการท้าทาย ผบ.ทบ.ให้ออกมาเลือกข้าง ซึ่งทั้ง 3 ประเด็นหลัง อาจจะทำให้ลูกน้องและผู้ใต้ยังคับบัญชาไม่พอใจ รวมไปถึงการฉวยโอกาสของบุคคลอื่น ทุกประเด็นยังไม่ถูกตัดสิ้ง ...

เข้าดูมากที่สุด 7 วันที่ผ่านมา