วันที่ 18 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการศรส.ว่า เช้าวันนี้ ศรส.ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าดำเนินการติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิดที่เป็นแกนนำ กปปส. ทั้งที่ถูกศาลออกหมายจับแล้ว และกลุ่มการ์ดที่กระทำความผิดซึ่งหน้า รวมทั้งปฏิบัติการเพื่อเปิดสถานที่ราชการและถนนสาธารณะ ซึ่งได้กำหนดพื้นที่เข้าดำเนินการ 5 พื้นที่ ได้แก่
1.บริเวณทำเนียบรัฐบาล 2.บริเวณศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ 3.บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 4.กระทรวงพลังงาน และ 5.กระทรวงมหาดไทย ซึ่งผลปฏิบัติการได้รับความสำเร็จว 2 พื้นที่ คือ บริเวณกระทรวงพลังงาน สามารถเข้าจับกุมแกนนำกปปส. 2 คน คือ นายระวี มาศฉมาดล และนายทศพล แก้วทิมา พร้อมการ์ดและผู้ร่วมกระทำผิด รวม 144 คน ซึ่งเป็นความผิดซึ่งหน้าด้วยการฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขณะนี้ผู้ถูกจับกุมทั้งหมดถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป
ส่วนพื้นที่บริเวณศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ จากการเจรจาและกดดันต่อเนื่องมาหลายวัน เช้าวันนี้พุทธอิสระ แกนนำสำคัญยอมเปิดพื้นที่ในส่วนที่เป็น ถ.แจ้งวัฒนะ ให้สัญจรได้ตามปกติ โดยเฉพาะสามารถเปิดทำการศูนย์ราชการได้แล้ว สำหรับพื้นที่อื่นๆ อยู่ระหว่างดำเนินการทั้งการเจรจา การลาดตระเวนกดดัน และการใช้ยุทธวิธีต่างๆ ซึ่งจะไม่มีการใช้วิธีสลายการชุมนุมแน่นอน
ส่วนพื้นที่บริเวณศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ จากการเจรจาและกดดันต่อเนื่องมาหลายวัน เช้าวันนี้พุทธอิสระ แกนนำสำคัญยอมเปิดพื้นที่ในส่วนที่เป็น ถ.แจ้งวัฒนะ ให้สัญจรได้ตามปกติ โดยเฉพาะสามารถเปิดทำการศูนย์ราชการได้แล้ว สำหรับพื้นที่อื่นๆ อยู่ระหว่างดำเนินการทั้งการเจรจา การลาดตระเวนกดดัน และการใช้ยุทธวิธีต่างๆ ซึ่งจะไม่มีการใช้วิธีสลายการชุมนุมแน่นอน
นายธาริต กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเข้าดำเนินการอย่างละมุนละม่อมโดยหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง มีการเจรจาเป็นขั้นตอน การปฏิบัติการมีการกระทำอย่างเปิดเผยท่ามกลางสื่อมวลชน แต่กลุ่มผู้กระทำผิดได้ใช้อาวุธร้ายแรงด้วยการยิงอาวุธสงครามเอ็ม 79 และอาวุธปืน จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บล่าสุด จำนวน 17 นาย
นอกจากนี้ ศรส.ยังมีมติให้ ผอ.ศรส.มีหนังสือแจ้งแนะนำคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าแจ้งความร้องทุกข์ความผิดที่แกนนำ กปปส. และแนวร่วมกระทำการฝ่าฝืน และขัดขวางการเลือกตั้งอันเป็นความผิดร้ายแรง ในฐานะที่กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งจึงเป็นผู้เสียหายโดยตรง โดยขณะนี้มีการดำเนินคดีการขัดขวางการเลือกตั้งแล้ว160 คดี และคดีประเภทเจ้าหน้าที่ กกต.จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง 169 รวม 329 คดี และศาลออกหมายจับแล้ว 78 คน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนเคยร้องขอให้ กกต.เข้าแจ้งความร้องทุกข์ แต่จนบัดนี้ยังไม่ดำเนินการ ซึ่งการเพิกเฉยของ กกต.จะทำให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินคดี โดยเฉพาะการป้องปรามมิให้มีการกระทำผิดซ้ำอีกในการจัดการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอนาคต