วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ศรส.ตามจับ 19 กปปส. เตือนท่อน้ำเลี้ยงเพิ่มเป็น136รายชื่อ

ศรส.ตามจับ 19 กปปส. เตือนท่อน้ำเลี้ยงเพิ่มเป็น136รายชื่อ


ศูนย์อำนวยความสงบ ดำเนินการจับกุม19 แกนนำกปปส.ตามหมายจับ และจะยื่นศาลขออนุญาตออกหมายจับอีก39 คน  ขณะที่ออกคำสั่งเตือนท่อน้ำเลี้ยงเพิ่มเป็น 136 รายชื่อ

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในฐานะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส.และ พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการประชุม ศรส. ประจำวันนี้ (6ก.พ.57) โดยระบุว่า  ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับเพื่อจับกุมและควบคุมตัวแกนนำกปปส. อันได้แก่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกรวม 19คน โดยเป็นหมาย ฉ.ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งนี้ การดำเนินการขอหมายจับดังกล่าว เป็นการขอในนามของ ศรส. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จากนี้ไปเจ้าหน้าที่ของศรส.จะเข้าดำเนินการจับกุมได้แล้ว จะต้องนำตัวไปควบคุม ณ สถานที่อันมิใช่เรือนจำ อันได้แก่ กองบังคับการตํารวจตระเวนชายแดนภาค 1จังหวัดปทุมธานี  เป็นเวลาไม่เกิน7 วัน หากครบกำหนดให้ขอศาลขยายผลควบคุมได้อีกครั้งละ7วัน แต่ต้องไม่เกิน30วัน หลังจากนั้นก็จะมีการขอศาลควบคุมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป

ศรส.ขอชี้แจ้งว่า บุคคลทั้ง 19 คนและรวมถึงที่จะได้ยื่นศาลขออนุญาตออกหมายจับอีก39 คน จนครบ58 คนนั้น  ล้วนร่วมกันกระทำความผิดในข้อหาฉกรรจ์ทั้งสิ้น แต่การที่ศรส.มุ่งดำเนินคดีตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อนนั้น ก็เพราะสะดวกในการควบคุมตัวตามที่ศาลให้ไว้ 30วัน จากนั้นจะได้ดำเนินการในข้อหาหนักต่อเนื่องต่อไป จึงขอแจ้งพี่น้องประชาชนให้ยุติเข้าร่วมกิจกรรมใดๆกับแกนนำกปปส.ทันที มิฉะนั้น ศรส.จำเป็นต้องดำเนินคดีกับทุกคนที่เข้ามามีส่วนร่วมกับแกนนำกปปส. ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ เช่น สนับสนุนเงินทุน อาหาร ยานพหนะ อุปกรณ์ การขึ้นเวที ฯลฯ ซึ่งเป็นโทษฉกรรจ์มีอายุความยาวนานมาก

ตามนโยบายของ ศรส. ร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ ที่ต้องการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนที่ไม่อาจติดต่อกับทางราชการได้ เพราะ กปปส. ปิดส่วนราชการนั้น บัดนี้ ส่วนราชการต่าง ๆ ได้ทยอยเปิดทำการตามปกติให้สามารถกลับมาให้บริการพี่น้องประชาชนได้แล้วจำนวนมาก ศรส. ขอขอบคุณข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ที่ได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะการคุ้มครองดูแลความเรียบร้อยจนสามารถเปิดให้บริการได้ รวมทั้งการเปิดใช้สะพานพระราม 8 ด้วย ที่ ศรส. ได้พยายามเจรจาจนเป็นผลให้สามารถเปิดใช้ได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ ผู้อำนวนการศรส. ได้มีการออกหนังสือสำคัญ 3 ฉบับ โดยฉบับแรก เป็นหนังสือถึง ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อแจ้งข้อมูลการกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกลุ่มกปปส. ที่ได้ทำการขัดขวางการเลือกตั้งไม่ให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ในวันที่ 26มกราคม และเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 
 
ฉบับที่ 2 เป็นหนังสือถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศเพื่อแจ้งข้อมูลการกระทำของกลุ่มแกนนำกปปส. และแนวทางการดำเนินการของศรส. ที่จะใช้มาตรการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยไม่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของผู้ชุมนุมเป็นอันขาด  ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะได้แจ้งให้สถานทูตและสถานกงสุลต่างๆ ได้ทราบโดยทั่วกัน
 
ฉบับที่ 3 เป็นหนังสือถึงองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย เพื่อแจ้งข้อมูลการกระทำความผิดของกลุ่มแกนนำกปปส.และแนวทางการดำเนินการของศรส.
 
ทั้งนี้ ศรส.ได้ กำชับการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค ในการดำเนินคดีของผู้กระทำความผิดที่เข้าข่ายขัดขวางการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าและเลือกตั้งทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดๆ จะต้องดำเนินคดีทุกราย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อการจัดการเลือกตั้งครั้งต่อไป
 
สำหรับ การดำเนินคดีกับกลุ่มทุนในลักษณะท่อน้ำเลี้ยงนั้น ศรส. ขอแจ้งเตือนให้ผู้กระทำผิดหรือที่คิดจะกระทำผิดหยุดยั้งทันที และรายชื่อ 120 รายชื่อที่จะออกคำสั่งนั้น ขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 136 รายชื่อ มีที่มาจาก 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำ กปปส. จำนวน 58 คน รายชื่อตามทางการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ 30 คน และที่เหลือเป็นรายชื่อตามทางการสืบสวนของตำรวจสันติบาลอีก 48 คน ซึ่ง ศรส. จะออกคำสั่งระงับการทำธุรกรรม แล้วเรียกเข้าชี้แจง หากชี้แจงไม่ได้จะนำไปสู่การดำเนินคดีต่อไป
 
 
อนึ่ง ศรส. ได้รับแจ้งว่าขณะนี้มีกลุ่มบุคคลออกทำการชักชวนให้พี่น้องในภาคใต้ช่วยกันออกเงินสมทบการชุมนุมของ กปปส. บางรายถึงกับทำเป็นหนังสือ เช่น กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้บริหารครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดภูเก็ต ที่ทำหนังสือเชิงบังคับให้ครูตามโรงเรียนต่าง ๆ ร่วมกันให้เงินสนับสนุน กปปส. เป็นต้น ซึ่ง ศรส.จะตรวจสอบแล้วดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น

ที่มา  voicetv.co.th

เข้าดูมากที่สุด 7 วันที่ผ่านมา