ศูนย์รักษาความสงบ เตรียมยื่นศาลขอหมายขัง "สนธิญาณ" ข้อหากบฏพรุ่งนี้ (15ก.พ.57) ยันทำตามขั้นตอนกฎหมาย ปัดกลั่นแกล้ง
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะ คณะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. แถลงว่า ข้อมูลการตรวจสอบของหน่วยงานด้านการข่าวปรากฎมียอดผู้ชุมนุมกปปส.สูงสุดเมื่อวานนี้ (13ก.พ.57) ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ที่ประมาณ 5,000 คน ซึ่งได้ลดน้อยลงเป็นลำดับต่อเนื่องทุกวัน ศรส.ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ให้ความร่วมมือลดการร่วมชุมนุม การสนับสนุนด้านการเงินและการช่วยเหลือต่างๆ ซึ่งจะทำให้การดำเนินการแก้ไขสถานกาณณ์ที่ไม่สงบอยู่ในขณะนี้ ยุติได้ในที่สุด
ขณะที่เมื่อเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ของศรส. ได้เข้าทำการสนธิกำลังเพื่อเข้าไปจับกุมแกนนำกปปส. ที่ศาลได้อนุมัติหมายจับไว้แล้วหลบซ่อนอยู่ตามที่ชุมนุมต่างๆ รวมถึงการ์ดของแกนนำที่อยู่ห้อมล้อม ซึ่งอาจขัดขวางการเข้าจับกุม ก็จะเป็นความผิดซึ่งหน้า โดยเจ้าพนักงานสามารถจับกุมได้ทันที
ซึ่งผลการเข้าทำการบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล เป็นไปด้วยความเรียบร้อยปรากฏกลุ่มผู้ต้องหาและการ์ดได้พากันหลบหนี ละทิ้งพื้นที่ที่ได้ยึดไว้ เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบพื้นที่ พบสิ่งผิดกฎหมายได้แก่ อาวุธ ยาเสพติดและอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมากที่แกนนำกปปส.และการ์ด ได้ทิ้งไว้ ซึ่งศรส.ขอเรียนว่า การดำเนินการเพื่อเข้าจับกุมกปปส.และเข้าไปตรวจพื้นที่ชุมนุมต่างๆนี้ จะดำเนินการต่อเนื่องไปเป็นระยะ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
เมื่อวานนี้ จากผลการตั้งด่านตรวจเจ้าหน้าได้จับกุมการ์ดของกปปส.ได้ 1 คนคือนายไตรฉัตร จันทร์ทองสุข ได้อำพรางตัวโดยแต่งกายตำรวจปฏิบัติการพิเศษและพกพาอาวุธร้ายแรง ได้แก่อาวุธปืน 2 กระบอก พร้อมกระสุนปืน ได้ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป
ศรส.ขอเรียนว่า การที่แกนนำกปส.จับให้การ์ดแต่งกายเป็นตำรวจพกพาอาวุธร้ายแรงเช่นนี้ จะก่อให้เกิดปัญหาแทรกซ้อน ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะทำให้เกิดความเข้าใจผิดของประชาชน และผู้ชุมนุม ที่อาจถูกทำร้าย และเข้าใจผิด คิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้กระทำ ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความเกลียดชัง และปัญหาความขัดแย้งเพิ่มขึ้นไปอีก
กรณี นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำกปปส.ที่ศาลได้ออกหมายจับประเภทหมาย ฉ.ตามพ.ร.ก. ฉุกเฉิน จะครบกำหนดควบคุมตัว7 วัน ภายในวันอาทิตย์นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้นำตัวไปขออนุญาตศาลควบคุมตัวต่ออีก 7 วัน ซึ่งศาลเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องควบคุมตัวแล้ว จึงให้ปล่อยตัวนั้น ศรส.ได้รับแจ้งว่า นายสนธิญาณ เป็นผู้ต้องหาในคดีร้ายแรง คือ ข้อหาร่วมกันเป็นกบฎ ร่วมกันก่อความไม่สงบในบ้านเมือง และร่วมกันยุยงส่งเสริมให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ซึ่งเป็นคดีพิเศษ ที่เจ้าพนักงาน 3 ฝ่ายร่วมกันสอบสวน คือตำรวจ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พนักงานอัยการ ได้มีมติแล้ว ให้แจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวแก่นายสนธิญาณ และในวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ จะได้ยื่นคำร้องต่อศาล ขอหมายขังมีกำหนดครั้งละ 12 วัน ไม่เกิน 7 ครั้ง หรือ 84 วัน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย ตามปกติ โดยจะได้ขอศาลคัดค้านการประกันตัว เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ โทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และหากปล่อยตัวไปก็เชื่อว่าจะไปกระทำความผิดซ้ำอีก
ศรส.ขอยืนยันว่าการปฏิบัติการตามที่กล่าวมานี้เป็นการทำตามขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งไม่อาจปฏิบัติอื่นๆได้และไม่มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ศรส.ได้รับรายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรภาคถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับแกนนำ กปปส. และแนวร่วม กรณีร่วมกันกระทำผิดด้วยการขัดขวางการเลือกตั้งด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและในต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคใต้ ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เป็นการล่วงละเมิดสิทธิของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยตรง ขณะนี้ มีจำนวนคดีประเภทขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ จำนวน 156 คดี คดีประเภทเป็นเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งหน้าที่ไม่จัดการเลือกตั้ง จำนวน 165 คดี รวมคดีทั้งสิ้น 321 คดี และศาลได้ออกหมายจับ ให้แล้วจำนวน 59 คน
นอกจากนี้ ศรส.ได้รับรายงานว่า วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นวันครบกำหนดที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ซึ่งอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องในความผิดฐานร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล หรือที่เรียกกันว่า คดี 98 ศพ เมื่อเหตุการณ์สลายการชุมนุมในปี พ.ศ.2553 นั้น พนักงานอัยการได้นำตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฟ้องคดีเป็นจำเลยต่อศาลไปแล้ว แต่นายสุเทพ ไม่ยอมไปศาล และขอเลื่อนนัดพนักงานอัยการเรื่อยมาถึง 4 นัดแล้ว ดังนั้น พนักงานอัยการจึงไม่อนุญาตให้เลื่อนนัดอีกต่อไป โดยอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษจะได้แจ้งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษไปดำเนินการนำตัวนายสุเทพ มาเพื่อส่งตัวต่อศาลและฟ้องคดีเป็นจำเลย ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้เร่งรีบดำเนินการให้ได้ตัวนายสุเทพ โดยเร็วต่อไป