วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ศรส.ขอหมายจับแกนนำกปปส.อีก 13 คน



ศูนย์รักษาความสงบ ยื่นศาลขออนุมัติหมายจับแกนนำกปปส.เพิ่มอีก 13 คน ย้ำไม่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสีย



นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในฐานะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ หรือศรส.แถลงว่า การที่แกนนำกปปส.นำเอาประเด็นความเดือดร้อนของชาวนา และเกษตรกรมากล่าวอ้างจัดกิจกรรมต่างๆ เช่นการเดินไปรับบริจาคเงินไปช่วยชาวนานั้น กปปส.กำลังบิดเบือนเอาความทุกข์ยากของชาวนา และเกษตรกรมาใช้เป็นประโยชน์ของตนเอง ซึ่ีงในเรื่องนี้ ศรส.ได้ติดตามมาโดยตลอด และได้พบว่า รัฐบาลกำลังเร่งรีบแก้ไขปัญหาของชาวนา และเกษตรกรอย่างเต็มที่แล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จโดยเร็ว



ซึ่งสาเหตุหนึ่งของการจัดหาเงินไปจ่ายชาวนาและเกษตรกรล่าช้า มาจากการที่มีการชุมนุมของกปปส.นั่นเอง ทำให้ต้องมีการประกาศยุบสภาจัดการเลือกตั้งใหม่ ทำให้ขั้นตอนการที่รัฐบาลจะจัดหาเงินกับธนาคารและแหล่งเงินทุนต้องผ่านการแห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง จนเกิดความล่าช้า ประการสำคัญต้องไม่ลืมว่า กปปส.เองพยายามทุกรูปแบบไม่ให้รัฐบาลกู้เงินจากสถาบันการเงินและยังเคยดูกถูกชาวนา เกษตรกร และคนในชนบท มาตลอดว่า เสียงของประชาชนในชนบทเป็นแสน ไม่มีคุณภาพเท่าเสียงของพวกเขาเพียงเสียงเดียว



นอกจากนี้ ศรส.ได้เร่งรัดให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล กรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมกันรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆเพื่อขอศาลออกหมายจับประเภท ฉ.ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพิ่มเติมโดยเร็ว ซึ่งทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันดำเนินการจนเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอ โดยจะยืนต่อศาลเพื่อออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 13 คนในวันนี้(10ก.พ.57) ได้แก่ ได้แก่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นางสาวจิตภัสร์ กฤษดากร, นายสกลธี ภัททิยกุล, นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์, นายเสรี วงษ์มณฑา, นายถนอม อ่อนเกตุพล, พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ, นายสาวิทย์ แก้วหวาน, นายคมสันต์ ทองศิริ, นายสุชาติ ศรีสังข์, นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล และนายนพพร เมืองแทน ซึ่งการออกหมายจับในวันนี้ เป็นการขอตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แบบเดียวกับที่ได้รับอนุญาตไว้ก่อนแล้ว 19 คน หากศาลอนุญาตครั้งนี้อีกจะรวมเป็น 32 คน


ทั้งนี้ ศรส.ยังยืนยันที่จะไม่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของ กปปส. เพื่อมิให้เกิดการสูญเสียโดยเฉพาะประชาชนที่มิใช่แกนนำโดยตรง แต่การที่แกนนำ กปปส. นำเอามวลชนไปบุกรุก ปิดล้อม ยึดถือสถานที่ราชการและขับไล่ข้าราชการจนไม่สามารถให้บริการประชาชนได้นั้น เป็นการกระทำผิดที่ร้ายแรง เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการ และความเดือดร้อนแก่ข้าราชการและประชาชนเป็นอันมาก ศรส.จะดำเนินการกับการกระทำผิดเช่นนี้อย่างจริงจังตามมาตรการจากเบาไปสู่หนักตามมาตรฐานสากล แต่ก็จะระมัดระวังมิให้เกิดการสูญเสียกับประชาชนด้วย


ศรส.ได้รับรายงานผลการสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีการกระทำผิดของแกนนำ กปปส. ที่ขัดขวางการเลือกตั้งด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา ทั้งในกรุงเทพมหานครและในต่างจังหวัดภาคใต้ ขณะนี้ได้รับคดีขัดขวางการเลือกตั้งไว้แล้ว 119 คดี และคดีเจ้าหน้าที่จงใจละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่จัดการเลือกตั้งอีก 80 คดี รวมหมายจับที่ศาลออกให้แล้วถึง 37 คน

เข้าดูมากที่สุด 7 วันที่ผ่านมา