จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มนายขวัญชัย ไพรพนา (สาราคำ) ประธานชมรมคนรักอุดร และประธานชมรมคนรักภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด ที่หน้าบ้านพักในจ.อุดรธานี
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการรักษาความปลอดภัย ที่ร.พ.เอกอุดร ถ.โพศรี ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ตรงบริเวณทางเข้ามีจุดตรวจของ สภ.เมืองอุดรธานี ใช้กำลังตำรวจ 4 นาย ตรวจตรารถเข้าออกอย่างเข้มงวด ด้านในตรงทางขึ้นลิฟต์ มีชุดสายตรวจคอยตรวจตราเข้มงวดเช่นกัน ส่วนที่ด้านหน้าห้องพิเศษชั้น 7 ที่เป็นที่พักรักษาตัวของนายขวัญชัย ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจพิเศษคุ้มกันแน่นหนา ผลัดเปลี่ยนเวรยามเวรละ 4 นาย
นางอาภรณ์ สาราคำ ภรรยาของนายขวัญชัย ที่คอยเฝ้าดูแลอาการ กล่าวว่า วันนี้อาการของคุณขวัญชัยดีขึ้นเป็นลำดับ ทานข้าวได้เยอะขึ้นโดยเฉพาะวันนี้ คุณศราวุธ เพชรพนมพร อดีตส.ส.เพื่อไทย ลูกเขยพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ได้ซื้อข้าวหมูแดง ของโปรดของคุณขวัญชัย มาฝาก ส่วนค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น พล.ต.อ.ประชาจะดูแลให้ ครอบครัวของเราซาบซึ้งในน้ำใจของท่านรองนายกฯ มาก
นอกจากนี้ ยังมีคุณโอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร คุณเยาวเรศ ชินวัตร ได้ให้ตัวแทนนำแจกันช่อดอกไม้ มาเยี่ยมให้กำลังใจด้วยโดยบอกว่า คุณพ่อ หรือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นห่วงมาก ขอให้หายไวๆ เพื่อจะได้ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป และจะช่วยเร่งคดีให้ทางตำรวจจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด นางอาภรณ์กล่าว
นางอาภรณ์กล่าวอีกว่า วันนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมเยอะมาก ตอนนี้ก็อยากให้ทางตำรวจเร่งทำคดีโดยเร็วเพื่อจะได้เอาตัวคนผิดมาลงโทษ เชื่อว่าทางตำรวจจะสามารถคลี่คลายคดีนี้ได้โดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากมีคนเข้ามาเยี่ยมตลอดทั้งวัน นายขวัญชัยจึงเหนื่อยล้า แต่ก็พยายามยกนิ้วขึ้นมาชู 2 นิ้ว เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองพร้อมที่จะสู้เรียกร้องในระบอบประชาธิปไตยอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าสภาพร่างกายได้รับบาดเจ็บก็ตาม
ที่จ.นครราชสีมา นายอนุวัฒน์ ทินราช ประธาน นปช.ภาคอีสาน กล่าวถึงคดีลอบยิงนายขวัญชัยว่า เรื่องนี้ตนมองไปที่เรื่องความขัดแย้งทางการเมืองแน่นอน เพราะนายขวัญชัยเป็นแกนนำเสื้อแดงระดับสูงในภาคอีสาน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่ากลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามต้องการที่จะยิงให้เสียชีวิต เพื่อเป็นการข่มขู่แกนนำคนเสื้อแดงคนอื่นๆ ในพื้นที่ภาคอีสาน แต่พลาดไม่สามารถยิงถูกจุดสำคัญ เนื่องจากอยู่ระยะไกล หลังจากนี้ไป แกนนำคนเสื้อแดงในพื้นที่ภาคอีสาน ก็คงต้องระมัดระวังตัวกันให้มากขึ้น อย่างเช่นตนก็ต้องเปลี่ยนรถยนต์ในการเดินทางไปทำงานทุกวัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็คงจะไม่ขอประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดกำลังมาคอยคุ้มกันแน่ เพราะจะถูกมองว่าสำคัญตนมากเกินไป หากคนจะถึงฆาต อย่างไรก็หนีไม่พ้นอยู่แล้ว
ที่มา khaosod.co.th