สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ ค้านความรุนแรงและรัฐประหาร ระบุ รัฐประหารแก้ปัญหาระยะยาวไม่ได้ และไม่เป็นประชาธิปไตย การเจรจาคือการแก้ปัญหา
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน หรือ สนส. พร้อมด้วย มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ออกแถลงการณ์ "คัดค้านความรุนแรงและรัฐประหาร มุ่งสู่การเจรจา" มีเนื้อหาระบุว่า นับแต่ช่วงปลายปี 2556 จนถึงปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหญ่ของประชาชน ระหว่างรัฐบาลกับกลุ่ม กปปส. โดยฝ่ายรัฐบาลเห็นว่าประเทศต้องเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว
ส่วน กปปส. ได้เรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งและเสนอให้มีสภาประชาชน ความขัดแย้งครั้งนี้ทำให้ประชาชนได้แบ่งความคิดออกเป็นหลายฝ่าย
โดยสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และองค์กรตามรายชื่อข้างท้ายนี้ ขอแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยเห็นว่า
1. ขอคัดค้านความรุนแรงทุกรูปแบบ ความรุนแรงไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายใดไม่อาจยอมรับได้ การส่งเสริมให้เกิดความรุนแรง จะนำไปสู่การเป็นรัฐที่ล้มเหลว เป็นการได้มาซึ่งความยุติธรรมของผู้ชนะ เป็นชัยชนะบนรอยเลือดของประชาชน ส่วนฝ่ายผู้แพ้จะถูกกดขี่อยู่ในสังคม เป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ที่จะรุนแรงกว่าเดิมเพราะไม่อยู่บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกันอีกต่อไป ซึ่งไม่มีประชาชนคนใดประสงค์จะให้เป็นเช่นนั้น ดังนั้น ความรุนแรงจึงต้องไม่เกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็ตาม
2. การรัฐประหารไม่สามารถนำความสงบคืนสู่สังคม การรัฐประหารไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศในระยะยาวได้ ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วว่าสุดท้ายแล้วประเทศก็จะกลับไปสู่วังวนความขัดแย้งเช่นเดิม อีกทั้ง การรัฐประหารเป็นวิธีการที่ไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย ไม่ไว้วางใจอำนาจของประชาชน ไม่เชื่อมั่นว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิและมีคุณค่าในฐานะมนุษย์เท่าเทียมกัน ไม่เชื่อมั่นว่าประชาชนมีศักยภาพในการเลือกสิ่งที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็นการทำลายความเชื่อในฐานะมนุษย์ของพลเมืองในรัฐนั้นโดยสมบูรณ์
3. การเจรจา เป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาโดยไม่เกิดความรุนแรง ในสถานการณ์ปัจจุบันทุกฝ่ายไม่สามารถหาทางออกที่ดีสุดแก่ฝ่ายของตนได้ หากแต่จะเป็นการสร้างเงื่อนไข ความรุนแรงในสังคมแทน ทุกฝ่ายต้องไม่เอาความรุนแรง หาหนทางเจรจา สร้างหลักประกันความต้องการของสองฝ่าย พร้อมใจกันปฏิรูปประเทศ ขจัดปัญหาด้านคอรัปชั่น การใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ ความอ่อนแอของการตรวจสอบ และต้องหาทุกวิธีทางที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งภายในกรอบของระบอบประชาธิปไตย เพื่อธำรงไว้ซึ่งสิทธิทางการเมืองและอำนาจอธิปไตยของประชาชน
12 มกราคม 2557 เวลา 11:37 น.
ส่วน กปปส. ได้เรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งและเสนอให้มีสภาประชาชน ความขัดแย้งครั้งนี้ทำให้ประชาชนได้แบ่งความคิดออกเป็นหลายฝ่าย
โดยสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และองค์กรตามรายชื่อข้างท้ายนี้ ขอแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยเห็นว่า
1. ขอคัดค้านความรุนแรงทุกรูปแบบ ความรุนแรงไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายใดไม่อาจยอมรับได้ การส่งเสริมให้เกิดความรุนแรง จะนำไปสู่การเป็นรัฐที่ล้มเหลว เป็นการได้มาซึ่งความยุติธรรมของผู้ชนะ เป็นชัยชนะบนรอยเลือดของประชาชน ส่วนฝ่ายผู้แพ้จะถูกกดขี่อยู่ในสังคม เป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ที่จะรุนแรงกว่าเดิมเพราะไม่อยู่บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกันอีกต่อไป ซึ่งไม่มีประชาชนคนใดประสงค์จะให้เป็นเช่นนั้น ดังนั้น ความรุนแรงจึงต้องไม่เกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็ตาม
2. การรัฐประหารไม่สามารถนำความสงบคืนสู่สังคม การรัฐประหารไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศในระยะยาวได้ ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วว่าสุดท้ายแล้วประเทศก็จะกลับไปสู่วังวนความขัดแย้งเช่นเดิม อีกทั้ง การรัฐประหารเป็นวิธีการที่ไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย ไม่ไว้วางใจอำนาจของประชาชน ไม่เชื่อมั่นว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิและมีคุณค่าในฐานะมนุษย์เท่าเทียมกัน ไม่เชื่อมั่นว่าประชาชนมีศักยภาพในการเลือกสิ่งที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็นการทำลายความเชื่อในฐานะมนุษย์ของพลเมืองในรัฐนั้นโดยสมบูรณ์
3. การเจรจา เป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาโดยไม่เกิดความรุนแรง ในสถานการณ์ปัจจุบันทุกฝ่ายไม่สามารถหาทางออกที่ดีสุดแก่ฝ่ายของตนได้ หากแต่จะเป็นการสร้างเงื่อนไข ความรุนแรงในสังคมแทน ทุกฝ่ายต้องไม่เอาความรุนแรง หาหนทางเจรจา สร้างหลักประกันความต้องการของสองฝ่าย พร้อมใจกันปฏิรูปประเทศ ขจัดปัญหาด้านคอรัปชั่น การใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ ความอ่อนแอของการตรวจสอบ และต้องหาทุกวิธีทางที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งภายในกรอบของระบอบประชาธิปไตย เพื่อธำรงไว้ซึ่งสิทธิทางการเมืองและอำนาจอธิปไตยของประชาชน
12 มกราคม 2557 เวลา 11:37 น.
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ ค้านความรุนแรงและรัฐประหาร ระบุ รัฐประหารแก้ปัญหาระยะยาวไม่ได้ และไม่เป็นประชาธิปไตย การเจรจาคือการแก้ปัญหา
#นักกฎหมายสิทธิมนุษยชน #ความรุนแรง #รัฐประหาร #voicetv
#นักกฎหมายสิทธิมนุษยชน #ความรุนแรง #รัฐประหาร #voicetv