เมื่อ 23 ม.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า สำนักจุฬาราชมนตรีออกแถลงการณ์ระบุว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมใน จ.ตรัง ประมาณ 300 คน ได้เข้าไปปิดล้อมมัสยิดบ้านสุโสะ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ขณะที่ในมัสยิดมีเด็กนักเรียนกำลังละหมาดซุฮฺรี และพี่น้องมุสลิมกลุ่มหนึ่งกำลังทำกิจกรรมการเรียนการสอน (ตะลีม) กันอยู่ โดยข่มขู่คุกคามให้โรงเรียน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของมัสยิดหยุดการเรียนการสอน มีการยิงปืนขึ้นฟ้า และผู้ชุมนุมบางคนมีอาการมึนเมา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2557 ที่ผ่านมานั้น
สำนักจุฬาราชมนตรี ขอเรียนแถลงว่า มัสยิดเป็นสถาบันทางศาสนาของอิสลามที่ทรงความสำคัญสูงสุดในการสะท้อนการดำรงอยู่ของมุสลิม มีหน้าที่ในการอบรมสั่งสอนสัปปุรุษทั้งหลายให้เป็นคนดี มีศาสนาเป็นสรณะ หลีกห่างจากความชั่ว และไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ใด ทั้งนี้ โดยใช้ศาสนกิจประจำวันโดยละหมาด ซึ่งปฏิบัติกันอยู่ในมัสยิดนั่นเองเป็นตัวขัดเกลา นอกจากนี้ มัสยิดยังเป็นสถานที่จัดการเรียนการสอน และบ่มเพาะคุณธรรมจริยธรรมอิสลามแก่เยาวชน ให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญของสังคมในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป
มัสยิดจึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนมุสลิม เป็นเสาหลักค้ำจุนความสงบสุขของชุมชน และดำรงอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมืองทั้งปวง จึงไม่เป็นการบังควรที่คนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดจะทำการข่มขู่คุกคามและปิดกั้นมัสยิด ซึ่งเป็นศาสนสถาน มิให้ปฏิบัติหน้าที่ตามศาสนบัญญัติได้ การกระทำดังกล่าว จึงถือเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานทางศาสนา ซึ่งรองรับโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ทุกคนมีอย่างเท่าเทียมกัน
สำนักจุฬาราชมนตรีจึงขอตำหนิการข่มขู่คุกคามมัสยิดบ้านสุโสะในครั้งนี้ และขอเรียกร้องให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า เคารพและให้เกียรติต่อศาสนสถานของทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็นมัสยิดหรือโบสถ์ก็ตาม โดยไม่นำศาสนสถานเหล่านี้มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือข่มขู่คุกคามการปฏิบัติศาสนกิจที่กระทำกันอยู่ในศาสนสถานนั้นๆ ทั้งนี้ โดยหลักธรรมของอิสลามแล้ว แม้ในยามสงครามก็ให้ละเว้นการทำลายศาสนสถาน ไม่คุกคามนักบวช และไม่ทำร้ายเกษตรกร
สำนักจุฬาราชมนตรีขอให้มุสลิมทุกคนมีความอดทนอดกลั้นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลข่าวสาร และการแสดงความคิดเห็น หลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งและการใช้ความรุนแรง ดังที่ปรากฏในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ความว่า จงเรียกร้องสู่แนวทางแห่งพระเจ้าของสูเจ้าโดยสุขุมและการตักเตือนที่ดี และจงโต้แย้งพวกเขาด้วยสิ่งที่ดีกว่า.. (16:125) ทั้งนี้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความเป็นปึกแผ่น ภราดรภาพ และความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติสืบไป
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า นายสมาน ลิประพันธ์ รองประธานคณะกรรมอิสลามประจำจังหวัดตรัง กล่าวว่า ขณะนี้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ และมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง กรณีมีกลุ่มมวลชนประมาณ 200 คน ไปเป่านกหวีด ขณะที่นายเจ๊ะอัมดะ สง่าบ้านโคก อิหม่ามประจำมัสยิดบ้านสุโสะ หมู่ที่ 1 ต.สุโสะ อ.ปะเหลียน กำลังทำละหมาดร่วมกับพี่น้องชาวมุสลิม ประมาณ 50 คน เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม และกระทำในเขตศาสนสถานอันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ต่อสถานการณ์การเมืองขณะนี้เลย
นายสมาน กล่าวอีกว่า ถึงแม้เป้าประสงค์ของกลุ่มมวลชนในวันนั้น คือการตระเวนปิดล้อมสถานที่ราชการ มิให้เปิดทำการ หรือปิดล้อมสถานศึกษา มิให้เปิดเรียนตามคำสั่งของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. จึงได้รวมตัวเพื่อจะเข้าไปปิดล้อมโรงเรียนสอนศาสนาที่ตั้งอยู่หลังมัสยิดสุโสะ ซึ่งเปิดสอนทั้งในสายสามัญและสายศาสนา ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 ไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และมีนักเรียนอยู่ประมาณ 500 คน แต่การดำเนินการดังกล่าวกลับไปสร้างความรบกวนต่อศาสนสถานที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวัด โบสถ์ หรือมัสยิด ซึ่งทุกคนเคารพนับถือ
"ดังนั้น ผมจึงเตรียมนำเรื่องนี้เข้าเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดตรัง ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อพิจารณาดำเนินการ และนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งมีนายยอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เป็นประธาน เพื่อให้เรียกผู้เกี่ยวข้องต่อเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมทั้งให้จุฬาราชมนตรีออกคำสั่งว่า ในช่วงที่การเมืองของไทยกำลังเกิดความรุนแรง หรือแบ่งแยกออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจนในขณะนี้ ขออย่าให้พี่น้องชาวมุสลิมตกเป็นเครื่องมือ หรือเหยื่อของฝ่ายการเมืองใด" รองประธานคณะกรรมอิสลามประจำจังหวัดตรัง กล่าว
ด้านนายสถาพร ประทุมทอง นายอำเภอปะเหลียน เปิดเผยกับ "ข่าวสด" ว่า หลังเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น ตนได้เชิญอิหม่ามประจำมัสยิดบ้านสุโสะ ผู้จัดการโรงเรียนสอนศาสนา และกรรมการโรงเรียน มาประชุมหารือและสอบถามข้อเท็จจริง สรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา มีกลุ่มมวลชนจะเข้ามาปิดล้อมโรงเรียนสอนศาสนา แต่บังเอิญว่าประตูทางเข้าโรงเรียนต้องผ่านมัสยิดสุโสะด้วย อย่างไรก็ตามหลังจากแกนนำมวลชนพูดคุยหารือกับผู้จัดการโรงเรียน จึงยอมตกลงที่จะปิดเรียน 1 วัน คือวันที่ 21 ม.ค. ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้กลับมาเปิดเรียนตามปกติแล้ว โดยมิได้มีปัญหาอะไรต่อกัน
นายอำเภอปะเหลียน กล่าวอีกว่า การที่มีกลุ่มมวลชนจำนวนมากเข้าไปยังโรงเรียนสอนศาสนาในวันดังกล่าว มิได้มีเจตนาไปห้ามมัสยิดสุโสะประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และกรณีนี้ตนทราบข่าวมาว่าทางแกนนำ กปปส.ได้เตรียมทำหนังสือขอโทษ อันเนื่องมาจากความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น อันเนื่องมาจากการเผยแพร่ข่าวที่ออกไปเกินข้อเท็จจริง เช่น มีการระบุว่ามีการปิดล้อมมัสยิด หรือมีการเป่านกหวีดไล่ จนอาจก่อให้เกิดความไม่สบายใจกันขึ้น อย่างไรก็ตามจากการประชุมหารือกับทางอำเภอ ทั้งอิหม่าม ผู้จัดการโรงเรียน และกรรมการโรงเรียน ล่าสุดต่างก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และอยากให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี
นายสมพงษ์ คงเกลี้ยง นายก อบต.ปะเหลียน หนึ่งในแกนนำกปปส.ตรัง กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นทราบว่าเป็นกลุ่มมวลชนที่เดินทางไปจากตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน เพื่อปิดล้อมหน่วยงานราชการและสถานศึกษาในพื้นที่ตำบลสุโสะเท่านั้น แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดชัดเจน ต้องรอการตรวจสอบกับแกนนำอีกครั้ง และอยากให้มีการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน
ด้าน ดร.วิสุทธิ์ บิลลาเตะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานสำนักจุฬาราชมนตรี ประจำภาคใต้ กล่าวว่าจากกรณีที่ทางกลุ่ม ปปปส.ตรัง ปิดโรงเรียนปอเนาะที่มัสยิดตรังว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เกินเลยไปเพราะว่า มัสยิดเป็นแหล่งดำเนินกิจกรรมทางศาสนา อบรมจริยธรรม มาตั้งแต่ก่อตั้งมัสยิด ใครจะไปหยุด หรือปิดไม่ได้ อย่าเอาเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ มันเกินขอบเขต สิ่งที่เกิดขึ้นได้สร้างความไม่พอใจแกพี่น้องมุสลิม โดยเย็นวันนี้ทางสำนักจุฬาราชมตรีจะมีแถลงการณ์ในเรื่องนี้
และในวันพรุ่งนี้เวลา 15.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลาม จ.สงขลา ทางสำนักงานคณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดจะได้มีการประชุมหารือกันเพื่อกำหนดท่าทีว่าจะมีแนวทางอย่างไร
ขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส.ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีชุมนุม กปปส.ปทุมวัน ตอนหนึ่งว่า นับเป็นวันที่ 2 ที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และยังไม่ส่งผลกระทบต่อการชุมของกลุ่ม กปปส.แต่อย่างใด เราจะเดินหน้ากิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง ช่วงค่ำวันที่ 22 มกราคม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ส่งตำรวจมาซุ่มเพื่อรอจับกุมตัวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ระหว่างที่เดินทางมาขึ้นเวทีปราศรัย แต่ยังโชคดี ไม่ถูกจับกุมตัว ขณะที่เวทีอโศกมีรถตู้ตำรวจซุ่มไม่ไกลจากเวทีปราศรัยเช่นเดียวกัน เมื่อผู้ชุมนุมรู้จึงได้ไปล้อมรถไว้ทั้งคืน
นายสาทิตย์ยังได้ชี้แจงถึงกรณีที่มีคลิปเผยแพร่ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กกรณีที่มีกลุ่มมวลชนกปปส.เป่านกหวีด ขณะที่ชาวมุสลิมกำลังทำพิธีละหมาดที่มัสยิดบ้านสุโสะ หมู่ที่ 1 ตำบลสุโสะ อำเภอปะเหลียน จ.ตรัง วันที่ 20 มกราคม ว่า ไม่ได้มีการข่มขู่ชาวมุสลิมไม่ให้ทำละหมาด แต่เป็นเรื่องเข้าใจผิดของผู้ชุมนุม ได้ประสานไปยังพื้นที่ ได้ให้นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีต ส.ส.ได้ไปชี้แจงและขอโทษทำความเข้าใจกับโต๊ะอิหม่ามแล้ว ว่าไม่ได้มีการแบ่งแยกศาสนา ไม่มีปัญหาบานปลายแต่อย่างใด ถือเป็นประเด็นเล็กน้อย แต่กลุ่มคนเสื้อแดงนำไปขยายผลเป็นเรื่องใหญ่โต
ผูุ้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ข่าวมุสลิมไทยโพสต์สื่อเผยแพร่ข่าวสารชื่อดังในหมู่ชาวมุสลิมในประเทศไทยรายงานว่า ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานสำนักจุฬาประจำภาคใต้ เผยผ่านเฟซบุ๊ก facebook.com/wisoot.binlateh ว่า ด่วน !!! มัสยิดสำคัญใน จ.ตรัง ถูกข่มขู่คุกคามโดยม็อบอันธพาล
เมื่อเวลา 14.45 น. ของวันที่ 22 ม.ค. มีการโพสต์ข้อความว่า “เมื่อครู่นี้ ได้คุยกับ ผญบ.สุโส๊ะ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ทราบว่าเมื่อ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เด็ก นร.โรงเรียนประถมภายใต้การกำกับชองมัสยิดสุโสะ ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่สุดของ อ.ปะเหลียน กำลังละหมาดซุฮฺนิกันอยู่ และกลุ่มญะมาอะฮฺตับลีฆกำลังมีการตะลีมกันอยู่นั้น มีกลุ่มคนประมาณ 300 คนได้ไปปิดประตูมัสยิดไว้ พร้อมเป่านกหวีดสะเทือนเลื่อนลั่น บังคับข่มขู่ให้หยุดกิจกรรมต่างๆ และให้ รร.ของมัสยิดปิดการเรียนการสอน จนเด็กนร.พากันแตกตื่น ยกเลิกละหมาดกลางคัน และกิจกรรมการตะลีมก็ถูกยกเลิกไปโดยปริยาย
แม้จะมีความพยายามอธิบายว่านี่เป็นกิจกรรมทางศาสนาที่มัสยิดหยุดไม่ได้แต่ม็อบซึ่งหลายคนมีอาการมึนเมาก็ไม่ยอมรับฟังจนผู้ใหญ่บ้านต้องให้คนเรียกชาวบ้านมาช่วยแกนนำม็อบก็ท้าว่าเรียกมาเลย ตนก็จะเรียกคนมาเพิ่มอีก ก่อนกลับยังยิงปืนขู่หน้ามัสยิดหนึ่งนัดด้วย
การคุกคามมัสยิดมิให้ปฏิบัติสิ่งที่เป็นวาญิบถือเป็นภัยร้ายต่อมุสลิมหากรัฐดำเนินการเองมุสลิมก็ต้องขบถต่อรัฐนั้น แต่นี่เป็นม็อบผู้ดีทำ พี่น้องจะว่าอย่างไร ?”
นอกจากนั้น ดร.วิสุทธิ์ ยังเผยด้วยว่า ผญบ.สุโสะ กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่า "ผมรู้สึกถูกหมิ่นหยามอย่างรุนแรง และเจ็บปวดมากที่มัสยิดถูกคุกคามเช่นนี้"
ที่มา khaosod.co.th