นายนพดล ปัทมะ กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าว่า ตามที่นายสุเทพย้ำชัดเจนว่า แม้มีคนมาเจรจาแบบ win-win หรือชนะทุกฝ่ายก็ไม่เอา นายสุเทพจะยุติการชุมนุมต่อเมื่อตนเองเป็นผู้ชนะฝ่ายเดียวเท่านั้น ซึ่งตนอยากถามว่า จะมีประโยชน์อะไร ถ้านายสุเทพจะชนะบนความพินาศและซากเศรษฐกิจของกรุงเทพ และกว่านายสุเทพจะชนะ คนยากคนจนหาเช้ากินค่ำ คนขับแท็กซี่ ขับตุ๊กตุ๊ก ขับรถตู้ พนักงานบริษัทจะต้องลำบากไปอีกนานแค่ไหน เพราะผลของการประกาศทุบหม้อข้าวของนายสุเทพที่เวทีราชดำเนิน มีผลทำให้หม้อข้าวของคนยากคนจนถูกนายสุเทพทุบไปด้วย
นอกจากนั้นนายสุเทพยังประกาศว่าจะเลิกชุมนุมก็ต่อเมื่อล้มระบอบทักษิณให้ได้ ตนขอเรียนว่า วาทกรรมระบอบทักษิณเป็นแค่วาทกรรมอำพราง และมายาคติที่นายสุเทพและพวก รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อต่อสู้ทางการเมืองในหลายปีที่ผ่านมาเท่านั้น เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะสร้างระบอบของตนเองขึ้นมาได้ แต่ได้ตั้งพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญปี 40 ซึ่งเป็นกติกาที่ตนเองไม่ได้ร่าง และสมมุติว่าระบอบทักษิณมีอยู่จริง ก็มีการรัฐประหารล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่ปี 49 ไปแล้ว รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ มาจากระบอบประชาธิปไตย ที่มีการเลือกตั้งโดยประชาชน แต่ตนเห็นว่าที่น่ากลัวกว่าระบอบใดๆ คือการล้มการเลือกตั้ง ยึดอำนาจตั้งสภาประชาชนนอกรัฐธรรมนูญ ตามที่นายสุเทพเสนอ เป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดเจน และประเทศมหาอำนาจและมิตรประเทศกว่า 50 ประเทศ ก็กังวลใจต่อการที่จะล้มการเลือกตั้ง
“นายอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ร่วมเป่านกหวีด ร่วมเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่า และเดินสายชุมนุมกับม็อบ กปปส. ซึ่งชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วว่า สนับสนุนการเคลื่อนไหวของ กปปส. ตนถามว่า นายอภิสิทธิ์ยังเชื่อมั่นต่อระบอบประชาธิปไตยและการตัดสินใจของประชาชนผ่านการเลือกตั้งอยู่หรือไม่ และถ้ามีการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ พรรคประชาธิปัตย์จะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งหรือไม่” นายนพดล กล่าว
ที่มา http://www.ptp.or.th