เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 ม.ค. ที่หอประชุมกองทัพเรือ ในงานเสวนาวิชาการ เรื่อง “ถ้าเพียงแค่ประเทศไทย...” นางสดศรี สัตยธรรม อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กตต.) กล่าวว่า หากจะเติมคำในช่องว่าง คือ ถ้าเพียงแค่ประเทศไทยไม่มีการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร เพราะไม่ว่าประเทศไหนจะเป็นเผด็จการมาก่อน ก็ยังกลับมามีการเลือกตั้ง แต่อาจจะเป็นปรากฏการณ์ของโลกที่ประเทศไทย เคยเป็นประชาธิปไตยมาก่อนแล้วจะไม่มีการเลือกตั้ง โดย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ประกาศขึ้นมานั้น มีแต่ความเงียบสงัด ไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อมีกฎหมายก็ต้องบังคับใช้ มิฉะนั้น บ้านเมืองก็จะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอยู่ในภาวะสุญญากาศ การไม่เลือกตั้งเป็นการนำไปสู่ระบบสภาประชาชน ซึ่งคงไม่มีใครต้องการ แน่นอนว่า ระบบประชาธิปไตยเป็นการให้สิทธิประชาชนเลือกคนมาทำหน้าที่บริหารประเทศต่อไป
นางสดศรี กล่าวว่า ในการที่จะบอกว่า อยากได้การเลือกตั้งที่สุจริต คงต้องย้อนกลับไปถามว่า แปดสิบปีที่บางพรรคเป็นพรรคการเมืองมา มีความสุจริตมากน้อยเพียงใด ซึ่งคงต้องยอมรับว่า การซื้อสิทธิขายเสียงเป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้ง อยู่ที่จะจับได้หรือไม่เท่านั้น ภารกิจของ กกต.คือ จัดการเลือกตั้งให้สุจริตเที่ยงธรรม ไม่ใช่มีหน้าที่เลื่อนการเลือกตั้ง เมื่อตนเป็น กกต.ก็หนีมาแล้วทุกม็อบ และถูกด่ามาโดยตลอด แต่การดำเนินการของ กกต. ต้องมีกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา จะทำอะไรทุกคนทราบ ทั้งนี้ กกต.นั้นมาจากหลากหลายบุคคล ถือเป็นมนุษย์ธรรมดา มีการฝักใฝ่ทางการเมืองก็มี แต่จะรักชอบอะไรก็ต้องเก็บไว้ในใจ เมื่อมาเป็น กกต.ก็ต้องเป็นกกต.อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็ต้องอุทิศตนเพื่อแก้ปัญหาให้ผ่านพ้นไป การทำงานต้องอยู่ตรงกลางให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
“ข้ออ้างที่ว่า หากเลือกตั้งไปแล้วจะนำไปสู่ความรุนแรงนั้น ต้องถาม กกต.ว่า หากเลื่อนแล้วจะยุติเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ เพราะเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะรัฐบาล แต่เกิดจากบุคคลกลุ่มหนึ่งที่ไม่ต้องการเลือกตั้ง ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ขณะนี้เกิดอะไรขึ้น จะใช้กฎหมู่ให้อยู่เหนือกฎหมายจริงหรือไม่ ซึ่งทำให้หลายเขตไม่สามารถเลือกตั้งได้ ต้องขอวิพากษ์รัฐบาลว่า ออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วก็ต้องใช้กฎหมายให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่กลัวว่าจะเกิดการนองเลือด เมื่อออกกฎหมายมาแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องใช้กฎหมายฉบับนี้ ”นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวว่า สำหรับการใช้สิทธิล่วงหน้านอกเขตจังหวัด ตาม ม.97 คงไม่สามารถใช้สิทธิได้แล้วในวันที่ 2 ก.พ. เพราะต้องแก้ไขทะเบียนใน 30 วัน แต่คนที่ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเดียวกัน ยังสามารถใช้สิทธิในวันที่ 2 ก.พ.ได้ ทั้งนี้ ในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หากไม่สามารถเลือกตั้งได้ตามปกติ สามารถยื่นฟ้อง กกต.ได้ ทั้งนี้ สำหรับการเลื่อนการเลือกตั้ง ในฐานะบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญ ต้องดูว่า เป็นการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นเองหรือไม่ ตามมาตรา 108 วรรค 2 เป็นการใช้อำนาจมากเกินไปหรือไม่ เพราะขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ.นี้ เป็นโมฆะ เหมือนอย่างกรณี รัฐบาลทักษิณ ประกาศยุบสภา ซึ่งศาลวินิจฉัยให้การเลือกตั้ง 2 เม.ย.49 เป็นโมฆะ เพราะ กกต.หันคูหาออกทำให้เห็นว่า เลือกใคร ซึ่งมีการออก พระราชกฤษฎีกาให้เลือกตั้งใหม่ แต่ก็มีการปฏิวัติก่อน จึงไม่มีการเลือกตั้ง เป็นเรื่องของ รัฐธรรมนูญ 2540 แต่การออก พ.ร.ฏ.ใหม่ขึ้นมา ศาลต้องพิพากษา ให้เป็นโมฆะก่อน
“ส่วน นายกฯ ควร ทำอย่างไรนั้น คงต้องหารือกับประธาน กกต. ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้บอกว่าต้องเลื่อน แต่บอกว่าสามารถเลื่อนหรือไม่ก็ได้ ซึ่งการหารือศาลต้องวินิจฉัยว่าเป็นโมฆะ ดังนั้น ขณะนี้จึงยังไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องหารือ กับกกต. ซึ่งต้องถามกลับไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ว่า งบประมาณ ที่กกต. ใช้ไปแล้ว 3,800 ล้านบาท ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ การเลือกตั้งได้หรือไม่ได้ ไม่ได้ขึ้นกับรัฐบาลหรือกกต. แต่ขึ้นอยู่กับผู้ทรงอิทธิพลในขณะนี้ ว่าจะขัดขวางการเลือกตั้งหรือไม่”นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวต่อว่า สำหรับเวลาที่เหลืออยู่จะมีการเลือกตั้งหรือไม่ ในเมื่อ พ.ร.ฏ.ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ก็ต้องดำเนินการเลือกตั้งต่อไป สิ่งที่ต้องระวังหากจะมีการเจรจา ก็ต้องพิจารณาว่าจะขัดต่อกฎหมายหรือไม่ หากเลื่อนไป โดยยังไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น การปฏิวัติ ก็ต้องมีผู้รับผิดชอบผลจากการเลื่อนการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นหลุมพรางที่วางอยู่ ทั้งประธานกกต. และนายกฯ จำเป็นต้องพิจารณาประเด็นดังกล่าว เพราะศาลยังไม่พิจารณาว่า พ.ร.ฏ.เป็นโมฆะหรือไม่ ส่วนการเลื่อนการเลือกตั้งไปครั้งหน้า จะต้องมีพันธะสัญญาของทุกฝ่ายว่าจะต้องไม่มีการชุมนุม ก่อนที่จะไปหารือกัน จึงต้องดึงศาลรัฐธรรมนูญ มาเป็นคู่กรณีด้วย
“หากสถานการณ์บ้านเมืองยังเป็นเช่นนี้ กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้ได้ ประเทศไทยคงต้องแบ่งเป็นเหนือ ใต้ คงต้องมองดูอนาคตประเทศไทยด้วยความหวังที่ริบหรี่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องรับผิดชอบในอนาคตของประเทศด้วยกัน ความหวังขณะนี้อาจอยู่ที่รัฐบาล ซึ่งต้องใช้มาตรการใดๆ ที่ทำให้ประเทศชาตินั้นเกิดความเข้มแข้ง สิ่งที่จะต้องปฏิรูปก่อนอย่างอื่นใด คือ องค์กรอิสระทั้งหมด ในอดีตองค์กรผู้พิพากษาเคยเป็นความหวังของประชาชน ซึ่งการดึงตุลาการมาเกี่ยวข้องกับการเมืองเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหา ในอนาคตจึงต้องดึงให้องค์กรนี้ออกจากการเมืองให้ได้”นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนไม่สามารถใช้สิทธิการเลือกตั้งล่วงหน้าได้นั้น ว่า การเปิดหน่วยเลือกตั้ง ตามกฎหมายกำหนดให้เปิด 08.00-15.00 น. โดยหน่วยการเลือกตั้งจะต้องเปิดให้เลือกตั้งได้ตลอดเวลา การปิดหน่วยเลือกตั้งถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยผู้ที่ไปเลือกตั้งสามารถร้องทุกข์ แจ้งความ โดยผู้รับผิดชอบสูงสุด คือ กตต.กลาง เพราะเป็นการละเมิดสิทธิของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยสามารถแจ้งความร้องทุกข์ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชน
นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า การเปรียบเทียบประชาธิปไตยไทยและประเทศอื่นๆนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองไทยเป็นปรากฏการณ์พิเศษ ที่เป็นเรื่องของคนขี้แพ้ แพ้ซ้ำๆ ไม่มีความสามารถแข่งกับคนอื่นได้ สถานการณ์การเมืองไทยจึงเป็นเรื่องแปลก เมื่อฟังจากสื่อต่างประเทศเริ่มแรกเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาล แต่ปัจจุบันสื่อต่างประเทศใช้คำว่า กลุ่มต่อต้านประชาธิปไตย ซึ่งสิ่งที่ กปปส.ทำ นั้นไม่มีอะไรที่จะเป็นการส่งเสริมประชาธิปไตย หากเปรียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ถือว่าประเทศไทยกำลังสวนทาง เช่น อินโดนีเซีย ที่มีความเป็นประชาธิปไตย สูงที่สุดในภูมิภาค หรือ จะเปรียบเทียบกับประเทศพม่า ที่ก่อนนี้ไม่สามารถเปรียบเทียบได้ แต่ปัจจุบันล้ำหน้าประเทศไทยไปแล้วอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการแก้รัฐธรรมนูญ การปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง หรือ การให้ฝ่ายค้านมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น
“ขณะนี้เรื่องการปฏิรูป เป็นเพียงวาทะกรรม ของหนึ่งในเกมส์การเมือง ซึ่งเคยมีคนพูดว่า จะจับโจร แต่กลับเอาโจรมาจับโจร เหมือนที่จะแก้เรื่องทุจริต คอรัปชั่น แต่กลับเอาคนทุจริตมาตลอด มาทำเรื่องนี้เช่นกัน ส่วนการเลื่อนเลือกตั้งนั้น ก็หวังว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ทำให้ผิดหวังอีก ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่มีอะไรให้หวังอยู่แล้ว ซึ่งยังเชื่อว่า การเลือกตั้งหากเลื่อนไปเรื่อยๆ จะมีผลเสียมากกว่าได้ ยิ่งเลื่อนยิ่งเป็นการต่ออายุให้กับม็อบ อย่างไรก็ตาม คิดว่ารัฐบาลต้องแสดงให้เห็นว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ว่าจะนำไปสู่การเลือกตั้ง หากยังมีการป่วนเมือง ก็ต้องใช้กฎหมายจัดการ หากเลือกตั้งแล้วจะประท้วงก็ประท้วง แต่ไม่ใช่บุกยึดสถานที่ราชการ”นายปวิน กล่าว
นายพิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า อยากตั้งคำถาม คือ 1 การเลื่อนการเลือกตั้ง ไม่ได้แปลว่า การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือล้มการเลือกตั้ง หมายถึง การเลือกตั้งที่ลงสมัครไปแล้ว ต้องดำเนินต่อไปในวันใดวันหนึ่ง ต่อให้การปฏิรูปเสร็จสิ้นลงก็จะต้องไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้ง
2 การทำงานของประธานกกต. คือ นายสมชัย ว่า การเลือกตั้งมีหลัก 4 ประการ คือ ไม่ใช่แค่บริสุทธิ์ ยุติธรรม สม่ำเสมอ แต่ต้องทำให้การเลือกตั้งมีความหมาย หากการเลือกตั้งไม่มีความหมาย จะเป็นกตต.ทำไม 3 ทำไมต้องเลือกตั้ง เพราะ การเลือกตั้งคือ การหาเสียงข้างมาก เป็นการยอมรับกฎกติกา เป็นเรื่องของการแข่งขัน มันมีจิตวิญาณของการแพ้ชนะอยู่ ไม่ใช่เรื่องของการสมานฉันทน์ แต่เหตุที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง เพราะรู้ว่าตัวเองจะแพ้ รู้ว่ามวลมหาประชาชน ไม่ใช่ประชาชนที่แท้จริง ซึ่งหากเชื่อตามทฤษฎีประชาธิปัตย์ คือ ถ้าเป็นประชาธิปัตย์ ไม่โกง ไม่เคยโกงเลย เมื่อเชื่อตามตรรกะนี้ ยิ่งต้องส่งเสริมการเลือกตั้ง เพราะถ้าใครเป็นคนดี ก็ต้องเลือกประชาธิปัตย์ ฉะนั้น พรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องกดดันให้ กกต. ทำงานมากกว่าปกติ เพื่อจับคนโกง ฉะนั้น คงต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ
“ขณะนี้เครื่องมือในการจัดการประชาธิปไตยมีน้อยลงเรื่อยๆ หากรัฐประหาร ก็จะไม่มีความช่วยเหลือทางการทหาร หากมีการชุมนุม ก็ประกาศไม่ให้คนเข้ามาในประเทศ หากทำการรัฐประหารโดยศาล อาจจะยังไม่มีอะไรจัดการได้ ส่วนเรื่องการจัดการองค์กรอิสระ ในประเทศประชาธิปไตยเกิดใหม่ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ให้หลักประกันกับระบอบประชาธิปไตย ทั้งทางบวก และลบ ซึ่งองค์กรอิสระไม่ได้มีเพื่อจัดการคนใดคนหนึ่งตลอดเวลา”นายพิชญ์ กล่าว
นายเอกชัย ไชยนุวัติ กล่าวว่า อยากตั้งข้อสงสัย 3 ข้อ คือ 1ถ้าคนเราเท่ากันจริงๆ ก็ต้องไม่ขัดขวางการลงคะแนน 2 ถ้าจะปฏิรูปประเทศ จะทำอย่างไร และจะทราบอย่างไรว่าต้องการอะไรถ้าไม่ไปเลือกตั้ง และ 3 หากจะต่อต้านการนริโทษกรรม ก็ต้องต่อต้านการปฏิวัติด้วย หากจะบอกว่านักการเมืองเลว แต่ตรวจสอบได้ แล้วการปฏิวัติสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ และกรรมการต้องไม่ละเมิดกติกา
ที่มา khaosod.co.th