เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่ดองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.)น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมสภากลาโหมและประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษว่า ในการประชุมสภากลาโหมเป็นวาระการประชุมวาระตามปกติ ซึ่งได้มีการรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ต่างๆ
เมื่อถามว่าวันนี้ ผบ.เหล่าทัพเข้าใจการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาลหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าเบื้องต้นเราได้ชี้แจงไปแล้วว่าการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นเป็นเครื่องให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติงานขั้นตอน และตามกฏหมาย จึงเป็นที่มาให้ครม.เห็นชอบให้หน่วยงานที่รับผิดชอบขึ้นตรงกับพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เพราะเราเน้นการดำเนินานตามขั้นตามกฏหมายมากกว่าการใช้กำลังทหาร ขณะเดียวกันเราได้บูรณาการกำลังของทหารเข้ามาเช่นเดิม และได้มีการข้อความร่วมมือกับทางเหล่าทัพในการเตรียมหน่วยแพทย์พยาบาลต่างๆ และการดูแล รวมถึงการพิจารณาตั้งจุดตรวจร่วมเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งได้มีการเน้นย้ำเช่นเดิม นอกจากนี้ครม.ยังเน้นย้ำกับหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติงานของศรส.ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความละมุนละม่อม และขั้นตอนต่างๆ ให้ยืดหลักกฏหมาย การดำเนินการต่างๆ อย่าให้ลุแกอำนาจหรือเกินความเป็นจริง
เมื่อถามว่าถึงขณะนี้ทางกองทัพพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลหรือไม่โดยเฉพาะในเรื่องกำลังพล นายกฯ กล่าวยอมรับว่า ใช่ในเรื่องของกำลังพล ก็เป็นไปตามที่ศรส.ร้องขอ เช่นเดียวกับการทำงานของศอ.รส.
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของการเลือกตั้งนั้นในที่ประชุมได้เน้นย้ำ ให้เหล่าทัพให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ตามที่มีการร้องขอเข้ามา รวมทั้งการดูแลความปลอดภัย ให้กับประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงสถานภาพของตนเอง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน หรือไม่ หลังกลุ่มกปปส.ประกาศไล่ล่าจับตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า "ทุกคนต้องมีสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล การละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลนั้น ก็ขออนุญาตให้นึกถึงขั้นตอน สิทธิแต่ละคน เพราะคงไม่มีใครอยากเห็น การประกาศไล่ล่าจับตัวคนนั้นคนนี้รายวัน จึงอยากขอร้อง รับบาลเองก็อยากที่จะให้ช่วยกันหลีกเลี่ยงพูดจาให้เกิดความเกลียดชัง หรือความขัดแย้ง เช่นเดียวกับที่ทางผบ.ทบ.พูดว่าเราจะโกรธจะเกลียดจะแรงกันไปถึงไหน
วันนี้น่าจะถึงเวลาแล้ว ให้หันหน้ามาพูดคุยกันเถอะ รัฐบาลก็พร้อมในการเปิดเวที ทุกประตูทุกเวลา ในการพูดคุย ดิฉันเเองก็อยากเห็นเช่นเดียวกัน และเชื่อว่า คงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับตัวเอง จึงอยากขอให้เคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลเถอะ และไม่เคยมีนายกฯคนไหนที่จะเจอขนาดนี้ ดิฉันเองก็ยอมมรับว่าเราเองก็อดทน ก็ขอความเห็นใจจากพูดชุมนุม ดิฉันพร้อมรับฟัง แต่บางอย่างก็ต้องให้ความเห็นใจ ถ้าเราสามารถปฏิบัติได้ก็ยินดีให้ความร่วมมือ วันนี้เราได้คืนอำนาจให้ประชาชนแล้วด้วยกันยุบสภาฯ ส่วนในสิ่งที่ผู้ชุมนุมร้องขอไม่สามารถที่จะปฏิบัติได้ภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ขอเรียนย้ำอีกครั้งวว่าดิฉันไม่ใชคนดื้อรั้นไม่ยอมรับฟังอะไรเลย แต่บางอย่างไม่สามารถปฏิบัติเองได้ก็ต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาช่วยและพูดคุยกันดีกว่า น่าจะเป็นทางออก"
เมื่อถามว่าดูเหมือนวันนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ท้าทายอำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องให้เจ้าหน้าที่ทำตามขั้นตอนของกฏหมาย รัฐบาลไม่ต้องการที่จะพูดว่าออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินมาเพื่อให้เกิดการท้าทาย ย้ำอีกครั้งว่าออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินมาเพื่อเป็นเครื่องมือให้เเจ้าหน้าที่ดำเนินงาน และยืนยันอีกครั้งรัฐบาลไม่ต้องการเห็นภาพที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2553 จึงย้ำเจ้าหน้าที่ทุกคนระมัดระวัง อย่าใช้สิ่งที่เกินความจำเป็น โดยให้เริ่มขั้นตอนด้วยการเจรจาพูดคุย ก็จะพยายามรักษาจุดยืนตรงนี้ไว้ โดยใช้กฏหมายเป็นหลัก
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาในโครงการรับจำนำข้าว ว่า เพิ่งได้รับหนังสือจาก กกต. ซึ่งก็จะมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตามขั้นตอน
ที่มา khaosod.co.th