วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557

"เทือก" 6 กพ. ขึ้นศาลคดี 99 ศพ


ขีดเส้น "เทือก" 6 กพ. ขึ้นศาลคดี 99 ศพ ฮึ่มออกหมายจับ

"เทือก" ขอเลื่อนขึ้นศาลอีก คดี 99 ศพ อ้างมีเหตุจำเป็นต้องนำมวลชนเคลื่อนไหวทางการเมืองขณะที่อธิบดีอัยการขีด เส้น 6 ก.พ.ต้องมาพบ ถ้าเบี้ยวจะยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับ ด้าน "ธิดา" ย้ำข้อสรุปนปช. ระดมเสื้อแดงแสดงพลังในวันที่ 13 ม.ค. ต้านรัฐประหาร หนุนเลือกตั้ง 2 ก.พ. พร้อมกางแผนรับมือรัฐประหาร ให้ "ปู" ขึ้นไปปักหลักที่เหนือ-อีสาน ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นสู้



เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เข้าพบนายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เพื่อชี้แจงเหตุผลที่นายสุเทพ ผู้ต้องหาที่ 2 ขอเลื่อนเข้าพบอัยการเพื่อนำตัวส่งฟ้องศาลอาญา ในความผิดฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 83, 84 และ 90 สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ยิงนายพัน คำกอง ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หรือ อีซา เสียชีวิต และยิงนายสมร ไหมทอง คนขับรถตู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดงเมื่อเดือนพ.ค.2553



นายนันท ศักดิ์กล่าวว่า นายสุเทพขอเลื่อนเข้าพบอัยการเป็นวันที่ 6 ก.พ. โดยอ้างว่าจะต้องนำมวลชนเคลื่อนไหวทางการเมืองในวันที่ 7-13 ม.ค. นายสุเทพจะต้องคอยอยู่ดูแลมวลชนที่มาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก ถ้าหากไม่อยู่ดูแลมวลชนอาจจะเกิดเหตุร้ายแรงจากผู้ไม่ประสงค์ดี ด้วยเหตุจำเป็นดังกล่าวจึงมอบหมายให้ทนายความมาพบเพื่อขอเลื่อนการนัดส่ง ฟ้องศาลออกไปก่อน อัยการเห็นว่านาย สุเทพไม่มีเจตนาประวิงเวลาเพื่อทำให้กระบวน การล่าช้า อีกทั้งนายสุเทพก็ไม่ได้ถูกควบคุมตัวในชั้นสอบสวน และไม่ต้องใช้หลักประกันในการปล่อยตัว จึงเห็นควรอนุญาตให้เลื่อนเป็นวันที่ 6 ก.พ.ได้ตามคำร้องขอ



อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษกล่าว ว่า แต่ทำบันทึกส่งไปให้นายสุเทพว่าคดีนี้ได้ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ เป็นจำเลยที่ 1 ต่อศาลแล้ว โดยศาลประทับรับฟ้องไว้และอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว พร้อมนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 24 มี.ค. ถ้าหากนายสุเทพไม่มาตามกำหนดนัดหมายในวันที่ 6 ก.พ. อัยการจะดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนกฎหมาย โดยให้พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับนายสุเทพต่อไป จึงฝากให้ทนายความแจ้งนายสุเทพรับทราบด้วย ทางทนายความก็รับปากว่าจะแจ้งให้นายสุเทพรับทราบ และถ้าหากสถานการณ์ทางการเมืองเรียบร้อยดีขึ้นแล้ว ยินดีจะพานายสุเทพมาพบอัยการก่อนกำหนดวันนัดหมาย



นายนันท ศักดิ์กล่าวต่อว่า สำหรับคดีนี้ทางอัยการเตรียมพยานขึ้นเบิกความต่อศาลจำนวนกว่า 100 ปาก และพยานเอกสารอีกจำนวนมาก ขณะนี้ทางอัยการกำลังอยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐานและจัดทำบัญชีพยาน บุคคลและพยานเอกสารให้เสร็จสิ้นเพื่อให้ทันนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 24 มี.ค. ทางอัยการอยากจะให้คดีเข้าสู่กระบวนการของศาลตามกำหนดที่นัดหมายไว้เพื่อจะ ได้ยื่นบัญชีพยานพร้อมๆ กันในนัดเดียว



ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า สำหรับนายอภิสิทธิ์ จำเลยที่ 1 นั้น อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ยื่นฟ้องคดีต่อศาลไปเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2556 ในความผิดฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 83, 84 และ 90 ศาลอาญาประทับรับฟ้อง โดยนายอภิสิทธิ์ให้การปฏิเสธและขอต่อสู้คดี ศาลนัดตรวจหลักฐานในวันที่ 24 มี.ค. เวลา 09.00 น. ก่อนที่นายอภิสิทธิ์จะได้รับการปล่อยชั่วคราว โดยศาลให้ราคาประกัน 600,000 บาท และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ยกเว้นจะได้รับอนุญาตจากศาล ขณะที่นายสุเทพขอเลื่อนพบอัยการเป็นครั้งที่ 2 แล้ว



สำหรับ ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงต่อกระแสข่าวปฏิวัติรัฐประหารและการชุมนุม ปิดกรุงเทพฯ ของม็อบกปปส.ของนายสุเทพในวันที่ 13 ม.ค.นั้น ที่ห้างอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว นางธิดา โตจิราการ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่าจากการประชุมแกนนำนปช.ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา มีข้อสรุป 2 ส่วนคือ ส่วนแรก 1.ต้องเตรียมระดมประชาชนในจังหวัดของตนเองเพื่อแสดงพลังในวันที่ 13 ม.ค. โดยในวันที่ 9 ม.ค.จัดเวทีใหญ่ จ.ศรีสะเกษ วันที่ 12 ม.ค. เริ่มเดินขบวนในพื้นที่ปริมณฑล คือสมุทร ปราการ นนทบุรี และปทุมธานี 2.ให้กำลังใจตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ แล้วเชิญชวนแสดงพลังร่วมต่อสู้ในแนวทางประชาธิปไตยด้วยกัน



นาง ธิดากล่าวว่า 3.ให้ระดมทรัพยากรคนละเล็กละน้อย ขึ้นป้ายต่อต้านการรัฐ ประหาร สนับสนุนการเลือกตั้งในพื้นที่ของตัวเอง 4.ให้ไปพูดคุยพบปะกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น ชวนมาร่วมแสดงพลังต่อต้านรัฐประหาร และสนับสนุนการเลือกตั้ง 5.ให้แจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำกปปส. และเรียกร้องเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด 6.เรียกร้องต่อนปช.ส่วนกลางให้ชวนองค์กรแนวร่วมต่างๆ ยื่นหนังสือแสดงเจตนารมณ์ต้านรัฐประหารต่อกองทัพแล้วแถลงข่าวให้เป็นที่ทราบ



ประธานนปช.กล่าวต่อว่า 7.ต้องหยุดสนับ สนุนกิจการที่ให้การสนับสนุนกลุ่มกปปส. 8.เรียกร้องต่อรัฐบาลให้ประกาศรับ รองเขตอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศโดยทันที 9.ให้เคลื่อนไหวแสดงพลังด้วยวิธีการต่างๆ สนับสนุนการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 10.ให้ผลิตสื่ออย่างง่ายตามศักยภาพตามกำลังตนในการประกาศจับกบฏสุเทพ และ 11.ให้ผู้รักประชาธิปไตยที่เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงอบรมยุทธวิธีให้กับมวลชนด้วย



นาง ธิดากล่าวอีกว่า แต่ถ้าเกิดรัฐประหารขึ้นจริงให้ปฏิบัติดังนี้ 1.ให้แกนนำทุกอำเภอจัดรถกระจายเสียงวิ่งประกาศสถานการณ์ทั่วพื้นที่ของตัว เอง และเร่งกระจายข่าวให้คนรู้โดยเร็วทั่วประเทศทันที 2.เรียกร้องต่อนายกฯ ต้องเร่งถอนตัวจากกรุงเทพฯ ไปปักหลักอยู่ในภาคอีสานหรือภาคเหนือ เพื่อประกาศการต่อสู้ร่วมกับประชาชน 3.เรียกร้องต่อรัฐบาลและผู้มีอำนาจทั้งหลายให้เตรียมการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ทันทีที่จำเป็นเพื่อต่อสู้ในเวทีระดับโลก



ประธานนปช.กล่าว ว่า 4.ในระดับพื้นที่ ให้ตั้งจุดประสานงานต้านปฏิวัติที่จะต้องมีคนทำงานติดต่อสื่อสารได้ 24 ชั่วโมง ในระดับหมู่บ้าน ให้แกนนำในระดับหมู่บ้านเตรียมเสบียงอาหาร ทรัพยากร เงินทองที่พอจะสละมาสนับสนุนได้เพื่อการต่อสู้แล้วเอามารวมกัน ณ จุดนัดหมายทันทีเพื่อเริ่มต้นการต่อสู้ในยกที่หนึ่ง 5.ให้พี่น้องไปรวมตัวกันที่ค่ายทหารในจังหวัดนั้นๆ และ 6.ให้พี่น้องไปรวมตัวกันที่สถานีตำรวจเพราะที่นั่นมีทุกอย่างให้เลือกสรร



ส่วน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.กล่าวว่า การเตรียมการรัฐประหารคืบหน้าไปมาก ไม่ได้วิตกจริตไปเอง แต่เนื่องจากกองทัพมีทหารแตงโมอยู่จำนวนมาก ขอเรียนไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ. ทบ.ว่าขอให้คิดดีๆ จริงอยู่ทหารมีอาวุธจำนวนมากที่ประชาชนซื้อให้สำหรับปกป้องประเทศ แต่ไม่เคยมีประชาชนคนใดที่จ่ายภาษีเพื่อซื้ออาวุธให้ทหารมาใช้ปฏิวัติรัฐ ประหาร ขณะนี้กลเกมของเขาจะจัดการ 2 จังหวะ คือลงมือก่อนวันที่ 13 ม.ค. แต่ถ้าสถานการณ์เดินไปถึงวันที่ 13 ม.ค. จะมีการทำให้ปะทะกับตำรวจจนเกิดการนองเลือด หลังจากนั้นอัศวินม้าขาวก็จะเอารถถังออกมารัฐประหาร



"ทั้ง หมดเป็นการเตรียมการมาตั้งแต่ต้น พล.อ.ประยุทธ์จะเกษียณในวันที่ 30 ก.ย. ควรเกษียณอย่างมีเกียรติ ถ้าประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้าน หรือตำรวจมะเขือเทศ 90 เปอร์เซ็นต์ หรือทหารแตงโมออกมาร่วมมือกับประชาชน อะไรจะเกิดขึ้น ผบ.ทบ.ต้องจัดการกับนาย สุเทพ ไม่ใช่จัดการกับประชาชน ไม่ว่าเหตุการณ์จะเกิดก่อนหรือหลังวันที่ 13 ม.ค. ปัญหาของประเทศจะไม่จบ เพราะท้ายที่สุดประชาชนก็จะลุกมาต่อสู้" แกนนำนปช.กล่าว
 


ที่มา khaosod.co.th

เข้าดูมากที่สุด 7 วันที่ผ่านมา