นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า หลังจากมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2557 ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจร้านอาหาร ภัตตาคาร หายไปประมาณ 300 ล้านบาท โดยธรรมชาติของธุรกิจร้านอาหาร ภัตตาคาร จะมีเงินที่เป็นกระแสเงินสด หรือสภาพคล่องอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน หากสถานการณ์ทางการเมืองไม่ยุติลงในเวลาอันเร็วนี้ พนักงานกลุ่มแรกที่จะถูกปลด คือ พนักงานเสิร์ฟ ดังนั้นหากการเมืองไม่จบ และยังยืดเยื้อต่อไป น่าจะทำให้ธุรกิจต้องปรับลดพนักงานเพื่อลดต้นทุนอีก ทั้งนี้ สมาชิกสมาคมขณะนี้มีประมาณ 3 หมื่นราย มากกว่า 1 หมื่นราย อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง
ด้านนายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวว่า ตั้งแต่มีสถานการณ์ทางการเมือง เมื่อเดือนพ.ย. 2556 ถนนข้าวสารรายได้หายไปประมาณ 40-50% ในขณะที่อัตราการเข้าพักก็เหลือ 50% จากปีก่อน และเมื่อมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่งผลให้รายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงต้องลดต้นทุนโดยการลดพนักงานพาร์ตไทม์ และให้โอกาสกับพนักงานประจำพักร้อนแต่มีการจ่ายค่าจ้างไม่เต็มอัตรา หากการเมืองไม่จบก.พ.นี้ จะให้พนักงานพักยาวแบบไม่มีกำหนด ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานทำงานในถนนข้าวสารมากกว่า 1 หมื่นคน
นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้โรงแรมเครือเซ็นทาราในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้หยุดการจ้างพนักงานนอกเวลา (พาร์ตไทม์) แล้วทั้งหมด จากปกติหากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) จะจ้างเพิ่มขึ้น 30% ขณะที่ในส่วนของพนักงานประจำบางส่วนก็ต้องย้ายไปที่โรงแรมในหัวเมืองหลักๆ เช่น หัวหิน พัทยา ภูเก็ต เป็นต้น
ที่มา khaosod.co.th