กระหึ่มแห่งเสียงร้อง Respect my vote อันดังขึ้นในหลายพื้นที่เขตเลือกตั้งน่าจะเป็นสัญญาณอันทรงความหมายยิ่งในทางการเมือง
ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้
ที่ใดมีการขัดขวาง สกัดกั้น มิให้ประชาชนได้ใช้สิทธิ 1 เสียงที่เขามีอยู่ ที่นั่นย่อมปรากฏเสียงร้อง respect my vote ดังขึ้น
ใครเป็น พระเอก ใครเป็น ผู้ร้าย
เมื่อฉายภาพแห่งการปะทะอย่างสร้างสรรค์ให้ปรากฏออกไปทั้งประเทศและทั่วโลก คำตัดสินย่อมตามมาอย่างแน่นอน
ยิ่งหากนำเอา ภาพ ในลักษณะ ทั่วประเทศ มาประเมินยิ่งเห็นได้ชัด
เพราะว่าจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศมีเพียง 10 จังหวัดเท่านั้นที่สกัดขัดขวางทำให้เกิดอุปสรรค ขณะที่ 67 จังหวัดดำเนินไปด้วยความราบรื่น
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ภาพจะยิ่งชัดใสเป็นทวีคูณ
ความคิดที่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง เห็นว่าการเลือกตั้งไม่สามารถสะท้อนความรู้สึกและความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง
เป็นสิ่งที่สามารถมีได้ และควรให้ความเคารพ
ภายในกระบวนการของการเลือกตั้งก็ให้สิทธิอย่างเต็มภาคภูมิ 1 โดยการไม่ไปเข้าสู่กระบวนการของการเลือกตั้ง
หรือ 1 เมื่อไปเลือกตั้งก็คัดค้านด้วยการโหวต โน
แต่นั่นมิได้หมายความว่าจะยกพวกเข้าไปสกัดขัดขวาง หรือใช้กำลังและความรุนแรงมิให้กระบวนการเลือกตั้งดำเนินไปได้ ไม่ว่าจะโดยการขวางไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้โดยราบรื่น ไม่ว่าจะโดยการขวางมิให้คนอื่นไปใช้สิทธิในการลงคะแนนเสียง
นั่นย่อมเท่ากับ ตัดสิทธิ ของ คนอื่น อย่างเหี้ยมโหด
กระบวนการในทางประชาธิปไตย คือ กระบวนการเลือกอย่างมีเสรีภาพ อย่างเสมอภาคและอย่างสร้างสรรค์
อะไรที่ไปบีบบังคับคนอื่น นั่นไม่ใช่ ประชาธิปไตย
ยิ่งถึงกับยกพวกไปนอนขวางไม่ให้คนอื่นได้ใช้สิทธิที่เขามีอยู่เพียง 1 เสียง ยิ่งเป็นความคับแคบอย่างที่สุด
อย่างนี้มิใช่ ประชาธิปไตย หากแต่เป็น เผด็จการ
กระหึ่มแห่งเสียงร้อง Respect my vote จึงดำเนินไปด้วยความนอบน้อม สุภาพเพื่อยืนยันสถานะและความเป็น 1 เสียงที่ไม่ควรมีใครเข้ามาลิดรอนทำให้หมดความหมาย
ได้โปรด เคารพ สิทธิและ เสียง ของคนอื่น
ยิ่งใกล้วันที่ 2 กุมภาพันธ์ โฉมหน้าแท้จริงของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยิ่งเปลือยล่อนจ้อน
เปลือยล่อนจ้อนว่าเหตุใดจึงไม่ยอมให้มี การเลือกตั้ง เปลือยล่อนจ้อนว่าเคารพสิทธิเคารพเสียง 1 เสียงของคนอื่นมากน้อยเพียงใด
ยิ่งมี การเลือกตั้ง ยิ่งทำให้ รู้จัก ความเป็นจริงทางการเมืองมากขึ้น
ที่มา ข่าวสดออนไลน์