ศูนย์อำนวยความสงบ ดำเนินการจับกุม19 แกนนำกปปส.ตามหมายจับ และจะยื่นศาลขออนุญาตออกหมายจับอีก39 คน ขณะที่ออกคำสั่งเตือนท่อน้ำเลี้ยงเพิ่มเป็น 136 รายชื่อ
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในฐานะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส.และ พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการประชุม ศรส. ประจำวันนี้ (6ก.พ.57) โดยระบุว่า ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับเพื่อจับกุมและควบคุมตัวแกนนำกปปส. อันได้แก่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกรวม 19คน โดยเป็นหมาย ฉ.ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งนี้ การดำเนินการขอหมายจับดังกล่าว เป็นการขอในนามของ ศรส. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จากนี้ไปเจ้าหน้าที่ของศรส.จะเข้าดำเนินการจับกุมได้แล้ว จะต้องนำตัวไปควบคุม ณ สถานที่อันมิใช่เรือนจำ อันได้แก่ กองบังคับการตํารวจตระเวนชายแดนภาค 1จังหวัดปทุมธานี เป็นเวลาไม่เกิน7 วัน หากครบกำหนดให้ขอศาลขยายผลควบคุมได้อีกครั้งละ7วัน แต่ต้องไม่เกิน30วัน หลังจากนั้นก็จะมีการขอศาลควบคุมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป
ศรส.ขอชี้แจ้งว่า บุคคลทั้ง 19 คนและรวมถึงที่จะได้ยื่นศาลขออนุญาตออกหมายจับอีก39 คน จนครบ58 คนนั้น ล้วนร่วมกันกระทำความผิดในข้อหาฉกรรจ์ทั้งสิ้น แต่การที่ศรส.มุ่งดำเนินคดีตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อนนั้น ก็เพราะสะดวกในการควบคุมตัวตามที่ศาลให้ไว้ 30วัน จากนั้นจะได้ดำเนินการในข้อหาหนักต่อเนื่องต่อไป จึงขอแจ้งพี่น้องประชาชนให้ยุติเข้าร่วมกิจกรรมใดๆกับแกนนำกปปส.ทันที มิฉะนั้น ศรส.จำเป็นต้องดำเนินคดีกับทุกคนที่เข้ามามีส่วนร่วมกับแกนนำกปปส. ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ เช่น สนับสนุนเงินทุน อาหาร ยานพหนะ อุปกรณ์ การขึ้นเวที ฯลฯ ซึ่งเป็นโทษฉกรรจ์มีอายุความยาวนานมาก
ตามนโยบายของ ศรส. ร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ ที่ต้องการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนที่ไม่อาจติดต่อกับทางราชการได้ เพราะ กปปส. ปิดส่วนราชการนั้น บัดนี้ ส่วนราชการต่าง ๆ ได้ทยอยเปิดทำการตามปกติให้สามารถกลับมาให้บริการพี่น้องประชาชนได้แล้วจำนวนมาก ศรส. ขอขอบคุณข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ที่ได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะการคุ้มครองดูแลความเรียบร้อยจนสามารถเปิดให้บริการได้ รวมทั้งการเปิดใช้สะพานพระราม 8 ด้วย ที่ ศรส. ได้พยายามเจรจาจนเป็นผลให้สามารถเปิดใช้ได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ ผู้อำนวนการศรส. ได้มีการออกหนังสือสำคัญ 3 ฉบับ โดยฉบับแรก เป็นหนังสือถึง ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อแจ้งข้อมูลการกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกลุ่มกปปส. ที่ได้ทำการขัดขวางการเลือกตั้งไม่ให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ในวันที่ 26มกราคม และเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์
ฉบับที่ 2 เป็นหนังสือถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศเพื่อแจ้งข้อมูลการกระทำของกลุ่มแกนนำกปปส. และแนวทางการดำเนินการของศรส. ที่จะใช้มาตรการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยไม่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของผู้ชุมนุมเป็นอันขาด ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะได้แจ้งให้สถานทูตและสถานกงสุลต่างๆ ได้ทราบโดยทั่วกัน
ฉบับที่ 3 เป็นหนังสือถึงองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย เพื่อแจ้งข้อมูลการกระทำความผิดของกลุ่มแกนนำกปปส.และแนวทางการดำเนินการของศรส.
ทั้งนี้ ศรส.ได้ กำชับการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค ในการดำเนินคดีของผู้กระทำความผิดที่เข้าข่ายขัดขวางการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าและเลือกตั้งทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดๆ จะต้องดำเนินคดีทุกราย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อการจัดการเลือกตั้งครั้งต่อไป
สำหรับ การดำเนินคดีกับกลุ่มทุนในลักษณะท่อน้ำเลี้ยงนั้น ศรส. ขอแจ้งเตือนให้ผู้กระทำผิดหรือที่คิดจะกระทำผิดหยุดยั้งทันที และรายชื่อ 120 รายชื่อที่จะออกคำสั่งนั้น ขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 136 รายชื่อ มีที่มาจาก 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำ กปปส. จำนวน 58 คน รายชื่อตามทางการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ 30 คน และที่เหลือเป็นรายชื่อตามทางการสืบสวนของตำรวจสันติบาลอีก 48 คน ซึ่ง ศรส. จะออกคำสั่งระงับการทำธุรกรรม แล้วเรียกเข้าชี้แจง หากชี้แจงไม่ได้จะนำไปสู่การดำเนินคดีต่อไป
อนึ่ง ศรส. ได้รับแจ้งว่าขณะนี้มีกลุ่มบุคคลออกทำการชักชวนให้พี่น้องในภาคใต้ช่วยกันออกเงินสมทบการชุมนุมของ กปปส. บางรายถึงกับทำเป็นหนังสือ เช่น กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้บริหารครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดภูเก็ต ที่ทำหนังสือเชิงบังคับให้ครูตามโรงเรียนต่าง ๆ ร่วมกันให้เงินสนับสนุน กปปส. เป็นต้น ซึ่ง ศรส.จะตรวจสอบแล้วดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น
ที่มา voicetv.co.th