ย้อนฟังชัดๆ ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานจากที่เกิดเหตุเมื่อวันอังคาร ระบุมีชายติดอาวุธปะปนในกลุ่มผู้ชุมนุม โจมตีตำรวจด้วยระเบิด และยิงสวนการตอบโต้ของเจ้าหน้าที่ด้วยกระสุนจริง
นับแต่วันอังคาร มีความพยายามผ่านทางโซเชียลมีเดีย และสื่อโทรทัศน์-หนังสือพิมพ์ อธิบายกรณีตำรวจควบคุมฝูงชนเข้าผลักดันผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลบนถนนราชดำเนิน ซึ่งมีตำรวจเสียชีวิตและบาดเจ็บว่า เกิดจากอาวุธของฝ่ายตำรวจเอง
จึงเกิดข้อโต้เถียงในโลกออนไลน์ในเวลานี้ ว่า มีการใช้ความรุนแรงจากทางฝั่งผู้ชุมนุม หรือไม่?
ความพยายามที่จะอธิบาย "เหตุการณ์ผ่านฟ้า" ว่า ตำรวจตาย-เจ็บเพราะพวกเดียวกันเอง มีขึ้นโดยนำคลิปข่าวของสำนักข่าวหลัก เช่น ซีเอ็นเอ็น มาฉายแสดง พร้อมกับ "ตั้งข้อสงสัย" ถึง "ความเป็นไปได้" ที่เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่นั้น เกิดจากระเบิดขว้างของฝ่ายเดียวกัน
คลิปข่าวดังกล่าว มีชื่อว่า "On the scence of protests in Bangkok" รายงานโดย Saima Mohsin ผู้สื่อข่าว CNN ซึ่งเป็นคลิปข่าวที่เน้นแสดงภาพเหตุการณ์ โดยเรียบเรียงภาพไฮไลท์ฉากต่างๆมานำเสนอผ่านเว็บไซต์ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์
ผู้สื่อข่าวคนเดียวกันได้บรรยายสถานการณ์ในภาพรวมใน อีกคลิปข่าวหนึ่ง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น ภายใต้หัวข่าว "Camera catches attack on Bangkok cops"
ในรายงานข่าว "กล้องจับภาพได้ เหตุโจมตีตำรวจในกรุงเทพ" ชิ้นนี้ Mohsin บรรยายว่า ที่ผ่านมา ตร.พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้ประท้วง เหตุโจมตีนี้เกิดขึ้นกับตำรวจชุดแนวหน้าที่เข้าไปในพื้นที่ชุมนุม
ตำรวจถูกโจมตีด้วยระเบิดขว้าง ช่างภาพอยู่หลังแนวตำรวจที่พยายามจะเข้าเคลียร์พื้นที่ชุมนุม แต่มีการยิงปืนมาจากในกลุ่มผู้ประท้วง ในกลุ่มฝูงชน และมีการขว้างระเบิดใส่ตำรวจ
จากนั้น ตำรวจจึงตอบโต้ด้วยกระสุนจริง คนที่อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมก็ยิงสวนด้วยกระสุนจริง
ในนาทีที่ 2.30 ผู้สื่อข่าวบรรยายภาพรวมว่า การประท้วงบนท้องถนนได้กลายเป็นการสู้รบบนท้องถนน ฝ่ายผู้ชุมนุมมีทั้งพระสงฆ์ ผู้สูงวัย ครอบครัว
"และแน่นอน เห็นได้ชัดเจนค่ะ ชายติดอาวุธในกลุ่มผู้ประท้วง ไม่ยอมสลายตัวจากพื้นที่ชุมนุม แต่ปักหลักประท้วงด้วยความรุนแรง"
จากนั้น โมห์ซินกล่าวถึงเป้าหมายของผู้ประท้วงว่า ต้องการให้นายกรัฐมนตรีลาออก และขับตระกูลชินวัตรออกจากการเมืองไทย และพูดถึงการเคลื่อนไหวของผู้ประท้วงในวันต่อๆไป ซึ่งมีการประกาศจะไล่ล่าตัวนายกรัฐมนตรี.
ขอบคุณผู้เรียบเรียงโดย http://news.voicetv.co.th/global/97921.html