ประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศเดินหน้าปฏิรูประบบการสอดแนมของหน่วยสืบราชการลับในสหรัฐฯ หลังจากที่ถูกต่อต้านอย่างหนักจากทั่วโลก รวมถึงชาวอเมริกันเอง โดยยืนยันว่า การสอดแนมยังต้องดำเนินต่อไป เพื่อความปลอดภัยของชาวอเมริกัน แต่การกระทำดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้การเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเรือน
นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกคำสั่งปฏิรูปการสอดแนมของหน่วยงานต่างๆในสหรัฐฯ ที่ทำหน้าที่ในการดักฟังโทรศัพท์ การเจาะเข้าอีเมล และฐานข้อมูลอื่นๆ ของพลเมืองอเมริกันและทั่วโลก โดยกล่าวย้ำว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเรือนต้องได้รับความเคารพ ซึ่งแม้ว่าวิธีดังกล่าวจะช่วยป้องกันการก่อการร้าย ที่อาจเกิดขึ้นในสหรัฐฯได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้กลายเป็นภัยคุกคามรัฐบาลสหรัฐฯด้วย หากมีการกระทำที่เกินขอบเขต และละเมิดสิทธิของผู้อื่น
ประธานาธิบดีโอบามาย้ำว่า การตัดสินใจเสนอแนวทางปฏิรูปของเขาในครั้งนี้ จะทำให้ชาวอเมริกันมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ว่าสิทธิของพวกเขาได้รับการปกป้อง แต่อย่างไรก็ตาม หน่วยงานเหล่านี้ก็ยังต้องมีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลของผู้ต้องสงสัยต่อไป เพราะมันคือกลไกที่สำคัญจำเป็น ในการรักษาความปลอดภัยของพลเมืองอเมริกัน ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่ดังกล่าวจะต้องคอยระมัดระวังไม่ให้เกิดการล่วงละเมิดสิทธิผู้อื่น และเขาจะไม่ขอโทษกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมด เพราะมองว่าการกระทำดังกล่าวไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายแต่อย่างใด
โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯหรือเอ็นเอสเอ ได้มีการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานโทรศัพท์ในแบบเมตะดาต้า ที่สามารถเข้าถึงเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในการสื่อสารกัน ระยะเวลาในการพูดคุย รวมถึงพิกัดของสถานที่ของผู้โทรออกหรือรับสาย โดยประธานาธิบดีโอบามาได้เสนอให้หน่วยงานด้านการสืบราชการลับทั้งหลาย รวมถึงอัยการสูงสุด ไปปรึกษากัน เพื่อให้หน่วยงานจากภายนอก หรือบริษัทเอกชนเป็นผู้ทำหน้าที่นี้ และหากว่าเอ็นเอสเอหรือหน่วยสืบราชการลับอื่นๆต้องการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวก็ให้ทำเรื่องไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อความโปร่งใสและชอบธรรม
พร้อมกันนี้ เขายังยืนยันว่า จะไม่มีการสอดแนมบรรดาผู้นำของชาติพันธมิตร ที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ แต่สำหรับผู้นำของชาติอื่นๆนั้น อาจมีความเป็นไปได้ที่จะถูกเก็บข้อมูลเช่นเดียวกัน แต่การเก็บข้อมูลดังกล่าวจะเกิดขึ้น เมื่อกระทบกับความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯเท่านั้น
ทั้งนี้ เรื่องราวของการแอบสอดแนมทางโทรศัพท์ของเอ็นเอสเอ เกิดขึ้นหลังจากที่นายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอ และพนักงานสัญญาจ้างของเอ็นเอสเอ ได้นำความลับดังกล่าวมาเผยแพร่ ก่อให้เกิดกระแสต่อต้านสหรัฐฯในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงชาวอเมริกันเองที่เริ่มตั้งคำถามกับการทำงานของทางรัฐบาลมากขึ้น จนประธานาธิบดีสหรัฐฯต้องออกมาประกาศปฏิรูปในลักษณะดังกล่าว
ที่มา http://news.voicetv.co.th/