นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบการกักตุนสินค้า และไม่พบว่า ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้นแต่เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือระบบขนส่งที่อาจเกิดปัญหาจากการปิดกรุงเทพฯ ของกลุ่มผู้ชุมนุม ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะเชิญผู้ประกอบการ ผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้ประกอบการขนส่งสินค้า และผู้ประกอบการตลาดสด มาหารือร่วมกันในวันที่ 7 ม.ค.นี้ เพื่อวางแผนรับมือการชุมนุมปิดกรุงเทพมหานคร บรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน และรับมือกรณีที่มีการปรับขึ้นราคาสินค้า และการกักตุนสินค้า"การดูแลตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค เพราะก่อนหน้านี้ การชุมนุมทางการเมืองมีผลกระทบต่อตลาดทุน ตลาดเงิน และภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้น" นายยรรยง กล่าว
สำหรับสาเหตุที่กระทรวงพาณิชย์ เร่งเตรียมการรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น จากการชุมนุมปิดกรุงเทพฯ เนื่องจากข้อมูลของหน่วยงานสำคัญด้านเศรษฐกิจ ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสถาบันวิจัยต่างๆ ที่ออกมาตรงกันว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับลดลง จากความกังวลสถานการณ์การเมืองนอกจากนี้ ห้างค้าปลีกทั่วประเทศ เช่น แม็คโคร โลตัส บิ๊กซี มียอดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคช่วงปีใหม่ลดลง หากเป็นสถานการณ์ปกติ ยอดจำหน่ายสินค้าในแต่ละห้างจะสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 แต่หลังจากมีปัญหาการเมืองเกิดขึ้น ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ยอดขายแต่ละห้างลดลงเหลือร้อยละ 3ทำให้ผู้บริโภคไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์ราคาสินค้าในตลาดสด ย่านจรัญสนิทวงศ์ในช่วงเช้าวันนี้ว่า ภาพรวมราคาสินค้ายังปกติ แต่เนื้อหมูที่มีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้น เพราะใกล้เข้าสู่เทศกาลตรุษจีน ปัจจุบันหมูเนื้อแดงตัดแต่งหน้าเขียง กิโลกรัมละ 130-140 บาท ส่วนผักสดราคาขึ้น-ลง ตามสภาพอากาศ และความต้องการของผู้บริโภค ขณะที่ราคาอาหารปรุงสำเร็จ ปรับราคาเพิ่มขึ้นจานละ 5 บาท ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาด้านผู้ประกอบการห้างค้าส่ง ค้าปลีกขนาดใหญ่ นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท สยามแม็คโคร หรือห้างแม็คโคร ยืนยันว่า ในช่วงการชุมนุมปิดกรุงเทพฯ วันที่ 13ม.ค.นี้ ยังมีสินค้าไว้จำหน่ายให้กับประชาชนตามปกติ เพราะทางห้างต้องสต๊อกสินค้าล่วงหน้า 30 วัน เพื่อให้มีจำหน่ายกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และได้เตรียมแผนสำรองในการเก็บสต๊อกสินค้า และเชื่อมโยงกับบริษัทขนส่งสินค้าให้เข้มข้นมากขึ้น โดยใช้แผนการเดียวกับที่ใช้ในการบริหารสต๊อกสินค้าช่วงน้ำท่วมใหญ่ จึงมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาขาดแคลนสินค้า และราคาสินค้าจะเป็นไปตามกลไกตลาด.
ที่มา: http://www.thairath.co.th