ปิดอก “เอก อัตตากร” เหตุชูป้าย “Respect My Vote”
หวั่น “เดจาวู” ล้มเลือกตั้งซ้ำรอย
ภายหลัง "มติชนทีวี" สัมภาษณ์ เจ้าของนามแฝงทางเฟซบุ๊ก Ake Attakorn : เอก อัตตากร (เขาบอกว่านามแผงนี้ถูกต้องแล้ว) หนุ่มแว่นดำผู้ชูป้าย Respect My Vote ในงานเปิดตัวพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศไทย ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2557 โดยบทสัมภาษณ์ออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 11 มกราคม 2557 ทั้งนี้ มติชนทีวีสัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงที่มาทางความคิดและเจตนาของการกระทำทางการเมืองจากนกหวีดสีขาวและข้อความบนกระดาษเพียงหนึ่งแผ่นที่โดนใจ "ชาวเน็ต" จนเกิดกระแสในโลกออนไลน์
-การชูป้าย respect my vote ได้รับแรงบันดาลใจจากการรณรงค์ในต่างประเทศ หรือไม่
ไม่ถึงขนาดเป็นแรงบันดาลใจ ผมรู้ว่ามีแคมเปญนี้ในต่างประเทศ รู้ว่าประวัติของคำนี้คืออะไร แต่ผมก็รู้สึกว่า คำนี้ก็คือหลักเกณฑ์พื้นฐานในการเคารพเสียงเลือกตั้งอยู่แล้ว ในขณะที่แผนปฏิรูปประเทศที่ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศช่วงนี้ ก็เพื่อรับลูกคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งกำลังจะทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกลับไปในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ คือการปฏิเสธกฎหมายและทำลายฝ่ายตรงข้าม
ผมสนใจไปดูคำว่า “มวลมหาประชาชน” กับกำนัน ทำไมต้องใช้ code นี้ กำนันทำงานให้ใคร และมวลมหาประชาชน ก็เคยไปไล่ “คนโกง” ในสมัย ที่นายควง อภัยวงศ์ ผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ยอมรับผลเลือกตั้งสมัย จอมพล ป พิบูลสงคราม แล้วบอยคอตการเลือกตั้ง ตอนนั้นสื่อก็โหมด้วยเหมือนกัน แล้วก็มีพระเอกโดดออกมา คือ จอมพลสฤษดิ์
ผมก็เลยมองว่า ถ้ามันเป็นวงจรเดียวกันล่ะ ทำไมต้องมี “มวลมหาประชาชน” ขณะที่การเมืองไทยที่เละๆ ประชาธิปัตย์ จะมีส่วนตลอดมา
จอมพลสฤษดิ์บอกว่า จอมพล ป แย่มาก และจะต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะตั้งคนดีมาปกครองบ้านเมือง จากนั้น เราก็ได้ จอมพลถนอม เพราะจอมพลสฤษดิ์ ยังไม่เถลิงอำนาจเอง อาจจะยังอายอยู่ แต่สุดท้ายก็รัฐประหารจอมพลถนอม กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีเอง มีรัฐธรรมนูญมาตราที่ไว้สำหรับกำจัดฝั่งตรงข้ามทั้งหมด เขาประกาศไม่เอากฎหมายทุกฉบับ ไม่มีพรรคการเมือง มันตรงกับที่คุณสุเทพทำอยู่ไหมครับ
คุณสุเทพนี่ คือจอมพลสฤษดิ์ชัดๆ จอมพลสฤษดิ์ ยังพัฒนาบ้านเมืองนะ แม้สุดท้ายจะไม่ได้อะไร จอมพลสฤษดิ์ร่างรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ ผมมองจอมพลสฤษดิ์ เป็นฟาสซิสต์ ยกตัวเองเป็นคนดี สุดท้ายก็ประกาศล้มกฎหมายทุกฉบับ ตั้งสภาแล้วบอกว่าเพื่อประชาธิปไตย แต่ตัวเองเป็นคนเลือกคนเข้าไปสภาเอง พอคุณสุเทพ บอกจะปฏิรูป ผมสงสัยว่าจะเหมือนจอมพลสฤษดิ์ คือเดินตามหนังสือชื่อ “แผนล้างบ้านล้างเมือง” ซึ่งคุณสุเทพและ เสธ.อ้าย ใช้ถ้อยคำเหมือนหนังสือเล่มนี้ โดยจะทำให้ไม่มีทุกพรรคการเมืองแล้วใช้มวลมหาประชาชน ให้ชนชั้นนำนำขึ้นมามีอำนาจ มีแผนปิดประเทศ มันคือ ขบวนการเดียวกัน แผนปิดประเทศ แช่แข็งประทศ มีช่วงเวลา 5 ปี สอดคล้องกับพิมพ์เขียวของคุณอภิสิทธิ์
หากนำ “แผนล้างบ้านล้างเมือง” ต้นแบบการปฏิรูปประเทศ เทียบกับคำประกาศสุเทพหรือ คำประกาศเสธ.อ้าย เทียบกับพิมพ์เขียวของคุณอภิสิทธิ์ จะพบว่าตรงกันมาก มีช่วงเวลา 5 ปีด้วย โดยเฉพาะ ตอนที่คุณสุเทพบอกจะยึดทรัพย์คุณยิ่งลักษณ์ และจัดการอันธพาลทั้งหมด คำพูดนี้ เหมือนในอดีตที่มีการจัดการรัฐมนตรีหลายคน
-วันที่ชูป้าย(7ม.ค.)ได้ชวนคนอื่นไปด้วยหรือไม่
การชูป้าย บางคนคิดว่าเป็นความลับ แต่จริงๆ ชวนเพื่อนในเฟซบุ๊กแล้ว ให้ไปแสดงพลังกัน แต่ไม่มีใครไป วันนั้น ผมนั่งอยู่กับพื้นด้านหลังห้อง ซึ่งมีสื่ออยู่ตรงนั้น ผมนั่งหลังห้อง เหมือนอย่างประชาชนที่ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียงทั่วไป ผมเห็นคนเดินผ่านตาไปไม่ว่าจะเป็นคุณชวนนท์ คุณมัลลิกา ผมไม่ได้นั่งเก้าอี้อยู่กลางห้อง
- ทำไมไม่ใช้สัญลักษณ์ ตีนตบ หรือสัญลักษณ์อะไรที่ไม่ใช่นกหวีดซึ่งเป็นของ กปปส.
ความจริงผมไม่ได้เป่านกหวีดก่อนนะ ผมชูป้ายอย่างเดียว แล้วคำที่เขาพูดมาคำแรก ทำให้ผมเป่านกหวีด คือเขาบอกว่า ผมถูกจ้างมาและบอกว่าอีกฝั่งหนึ่งส่งมาป่วน ทำให้ผมตัดสินใจเป่านกหวีด จากเดิมที่เอานกหวีดใส่กระเป๋า เพราะต้องการจะชูป้ายเท่านั้น
ผมไม่ชอบนกหวีดนะ เพราะมันแค่ให้ความรู้สึกว่า เสียงดังกว่าคนอื่น ทั้งที่เราเสียงเท่ากันนะ แต่เวลาคุณไปเป่าใส่ใคร จะคิดว่าตัวเองเสียงดังกว่า
ผมอยากบอกเขาว่า เวลาใครเป่าใส่คุณ คุณรู้สึกอย่างไร ฉะนั้น อย่าทำกับใคร แต่เหตุการณ์วันนั้นมันเร็วมาก
วันนั้น ผมพูดคำว่า “ผมคือประชาชน” 3 ครั้ง โดยที่ 2 ครั้งแรก เขาไม่ยอมฟังผม แต่ครั้งสุดท้าย ผมถูกล็อกตัว ผมตะโกน ”ผมคือประชาชน ผมไม่ใช่คู่แข่งคุณ”
วันนั้นสาเหตุที่ผมเข้าไปชูป้ายได้ อาจเป็นเพราะไม่มีการลงทะเบียน แล้วเขาอาจจะคิดว่า ใครที่เกลียดเขาต้องใส่เสื้อแดง แต่จริงๆ คนกรุงเทพฯหน้าตาอย่างผม ก็ไม่ชอบเขาตั้งเยอะแยะ
-เกิดที่ไหน จบการศึกษาด้านไหน เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่
ผมอยู่กรุงเทพฯ เกิดกรุงเทพฯ จบปริญญา มีสิทธิเลือกตั้ง ผมเรียนมาร์เก็ตติ้ง แต่ติดตามการเมืองมานานแล้ว เราอยู่ในการเมืองไทยถ้าไม่ศึกษาเองก็จะได้แต่เชื่อคนอื่น ผมทำงานมาร์เก็ตติ้งอยู่กับผู้บริหารมาตลอด ล่าสุดเป็น ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เราโชคดีที่มีโอกาสมากกว่าคนอื่น เคยทำงานโรงเรียนที่เจ้าของโรงเรียนเป็นพันธมิตร
เมื่อก่อนผมเคยไปถือป้ายไล่ทักษิณ แล้วโดนแท็กซี่ด่า ก็กลับมาถามตัวเองว่า ทำไมแท็กซี่ถึงรักทักษิณ และเฉลียวใจทุกครั้ง เวลาฟังคุณสนธิ ลิ้มทองกุล พูด ซึ่งผมกลับมารีเช็กข้อมูล พบว่าบางอย่างก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้น
กลุ่มของผมจะอายคำว่า “เงิบ” ฉะนั้น เมื่อได้ข้อมูลอะไร เราต้องรีเช็กว่า แต่ละข่าวนั้นเป็นเรื่องจริง หรือไม่ ปัญหาของประเทศ สังคมไทยเป็นสังคมข่าวลือซึ่งควรจะแก้ไข
-ยกป้าย respect my vote แล้วโดนใจคน เป็นเพราะใช้วิธีคิดแบบการตลาด หรือเปล่า
ไม่เลย ผมไม่ได้คิดในมุมนั้นเลย ผมคิดแค่ว่า จะหาคำอะไรบอกเขาดี แต่ด้วยความที่ เราดูแอด (advertisement) ดูโฆษณามา เราก็จะมาดูสิว่า ทำยังไงไม่ให้สีของป้ายกลืนไปกับพื้น ผมแค่รู้ว่าในทางศิลป์ มันเป็นยังไง มันไม่ได้สวย ผมคิดแค่ว่า ตัวอักษรต้องใหญ่พอที่เขาจะเห็นเรา
ถ้าจะเขียนภาษาไทยว่า “เคารพสิทธิของกูด้วย มันก็ไม่เก๋นะ” ผมแค่คิดว่า เขียนเป็นภาษาไทยยากกว่าภาษาอังกฤษ และเขียนให้มันเป็นภาษาอังกฤษไปเลย คุณอภิสิทธิ์เรียนจบนอกด้วยนี่ ผมคิดว่า เป็นภาษาอังกฤษ ที่ทุกคนเข้าใจ
ทราบว่ามีการแคมเปญในต่างประเทศ แต่ความจริงผมก็ทำแคมเปญ รณรงค์โหวตอยู่แล้ว โหวตเพื่ออิสรภาพ โหวตเพื่อประชาธิปไตย โหวตเพื่อประเทศไทย ให้ไปเลือกตั้ง 2 ก.พ. อยู่ในเฟซบุ๊กผม ผมตั้งใจทำให้สวยงาม มีคนเอาไปเผยแพร่ต่อ ในขณะที่ป้าย respect my vote กลับเป็นอะไรที่ผมไม่ได้ตั้งใจทำ ไม่งั้นจะพิมพ์ให้สวยกว่านี้
เจตนาจริงๆ ไม่ได้ต้องการให้เป็นข่าว แต่ต้องการให้อภิสิทธิ์และพรรคซึ่งหน้าบางๆ ควรจะรู้ตัว ควรจะต้องอายถึงสิทธิคนอื่น คนหน้าตาสลิ่มอย่างผมก็มีสมองนะคุณอภิสิทธิ์
-อยู่ใน กทม.ก็น่าจะอยู่สบาย เข้าถึงทรัพยากรได้ทุกอย่าง แต่ทำไม ต้องมาต่อต้านพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งชนะในเมืองหลวง
เราอยู่กับคนหลากหลาย เพื่อนเป็นหม่อมหลวง หม่อมเจ้า ผมทำงานก็เจอเซเลบ แต่มีเพื่อนส่วนหนึ่งก็เป็นคนธรรมดาเป็นลูกคนขับสิบล้อ ซึ่งเขาน่ารัก ผมจึงมองว่า ทุกคนเป็นคน เขาไม่มีตังค์ก็ช่วยกัน บ้านผมมีบ้านเช่า มีอพาร์ตเมนต์ ผมรู้ว่าคนที่เช่าอพาร์ตเมนต์ เขาใช้ชีวิตอย่างไร
อีกด้านหนึ่ง เราอยู่ในสังคมอีกแบบ ไปกินข้าวหรูๆ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคนพวกนั้นไม่มีความคิดเป็น “คนเสื้อแดง” เลย มีหลายๆ คนเป็นเจ้าของหมู่บ้าน 20-30 ล้าน ก็เป็นเพื่อนผม เราคือคนเท่ากัน
-ถ้าไม่เอาการเมืองแบบคุณอภิสิทธิ์ แล้วอยากได้การเมืองแบบไหน เพราะคุณทักษิณก็มีมุมเป็นเผด็จการ
คืออย่างนี้ครับ ผมด่าทักษิณได้ ผมด่ายิ่งลักษณ์ได้ แต่เราจะรู้ไหมว่า สัปดาห์หน้า เราจะด่าสุเทพได้ไหม สุเทพประกาศจะยึดทรัพย์ จะจัดการอันธพาล ซึ่งสมัยก่อน เขาก็จัดการกับคนอื่นด้วยการกล่าวหาว่าเป็นอันธพาลเหมือนกัน จอมพลสฤษดิ์ก็ประกาศล้มกฎหมายเช่นเดียวกัน เราจะสถาปนา “สฤษดิ์ 2” ขึ้นมาทำไม
ถ้าเผด็จการจริงๆ ผมนึกถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ตอนที่ผมต้องวิ่งหนีกระสุน เมื่อปี 2553 ผมอยู่ราชประสงค์ตั้งแต่วันที่ 17-18 พ.ค. 53 ไปนอนค้างคืนด้วย แต่งตัวไฮโซไปเลยมีพี่ไฮโซไปด้วย แล้วมีคนมาบอกว่าผมไม่น่าเป็นเสื้อแดง แต่ก็มานอนที่หน้าเซ็นทรัลเวิร์ลด้วยกัน
เราชอบไปทุกม็อบ ไปฟังคนพูด มีคนต่างจังหวัดเอาข้าวมาให้กิน เขาบอกขอบคุณที่มาร่วมชุมนุม ในขณะที่เวลาไปม็อบคนเสื้อเหลือง ผมเจอแต่คำหยาบ แต่แม้ว่าผมจะเกลียดอภิสิทธิ์ ก็ไม่อยากด่าด้วยคำหยาบและไม่ได้อยากให้เขาเป็นอันตรายอะไร ถ้ามามองคนเท่ากัน ก็จะไม่เกลียดจนกระทั่งไม่เหลือเหตุผลและเหลือแต่ความเชื่อ
-พลังของฝ่ายมวลมหาประชาชนมีชนวนจาก ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งก็มีคุณทักษิณเกี่ยวข้องด้วย
ผมพูดเรื่อง respect my vote ปรากฏว่ามีคนเอามาตั้งคำถามว่า “แล้วมึงรู้หรือเปล่า พ.ร.บ. (นิรโทษกรรม) มันยังไม่ respect คนอื่นเลย” ผมบอกว่า เอ้ามันจบไปแล้วนี่ รัฐบาลได้บทเรียนไปแล้ว ยุบสภาก็แล้ว สุดทางแล้ว แต่ตอนนี้ เรากำลังเดินไปสู่อะไร
ผมรู้สึกว่า เราเดินมาถึงทางที่เราถอยไม่ได้แล้ว คุณยิ่งลักษณ์ เป็นแค่หมากตัวหนึ่ง ที่เขาต้องการให้ออกไป เพื่อจะเปิดทางอะไรบางอย่าง ถ้ายิ่งลักษณ์ ยอมไปตอนนี้ เราก็ไม่เหลืออะไรแล้ว
-ทำไมไม่เกรงถูกเหมาเป็น "ควายแดง"
ผมโดนด่าแล้ว ผมยังภูมิใจเลย ผมประกาศ ผมเป็นควายแดงที่ต้องการเลือกตั้ง ดีกว่าเป็นคนที่ยืนหลังงอตามใครก็ไม่รู้ ผมภูมิใจที่เป็นควายแดงที่ยืนยันใช้สิทธิผม ผมโดนหาว่าเป็นขี้ข้า ควายแดง ถูกซื้อ แต่เรื่องพวกนี้ ควรถูกทำให้เป็นเรื่องตลกแล้ว ผมหมดยุคที่จะโกรธ ผมไม่ใช่เด็ก ถ้าเป็นแต่ก่อนว่าเราเป็นควายแดงก็คงตอบโต้
-เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อนหรือไม่
ก่อนรัฐประหาร 2549 ผมไปม็อบคุณสนธิ ที่สวนลุมพินี ตอนนั้นทำงานอยู่ซีพี ความจริง ผมไปทุกม็อบ เคยไปม็อบพันธมิตรฯ แม้กระทั่งม็อบคุณสุเทพ ผมก็ปั่นจักรยานไปศูนย์ราชการ
นอกจากเรื่องการเมืองแล้ว ผมเคยเป็นพยาน ในคดีไบโอคลินิก เพราะเห็นว่ามีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นกับผู้ป่วย
-โดยสถานะ น่าจะเป็นสลิ่ม หรือ อยู่ในฟากอำมาตย์ แต่ทำไม เลือกมาอยู่ฝ่ายตรงข้าม
เราเคยเห็น ผลงานพรรคประชาธิปัตย์หลายอย่าง ช่วงเด็กๆ ผมทันรัฐบาลป๋าเปรม และรัฐบาลคุณชวน ที่ชอบพูดว่า ยังไม่ได้รับการพิจารณา ยังไม่ได้รับรายงาน ผมจำได้ว่า พูดบ่อยมาก ตอนนั้นชาวนาก็เดือดร้อน ไม่สามารถทำได้อย่างที่หาเสียง ผมคิดว่าคนต่างจังหวัด ควรจะได้อะไรมากกว่านั้น รวมถึงเช็ค 2 พันบาท ป้าแม่บ้านและคนไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม ทำไมถึงไม่ได้
พอมาหาข้อมูล คำตอบคือ เขาไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ เขาให้เฉพาะฐานเสียงตัวเอง และชอบว่าคนอื่นเลวหมด
-น่าจะมีความเข้าอกเข้าใจฝ่ายคุณอภิสิทธิ์ ในฐานะคนกรุงเทพฯ
ถ้าคุณมองคนไม่เท่ากัน ยังไงก็มีคนที่สูงกว่าคุณอยู่แล้ว คนที่สูงกว่าอาจจะบอกว่า อี๋ อีครอบครัวชนชั้นกลาง นามสกุล ไก่กา ไอ้คนเรียนเมืองไทย แต่อย่าลืมว่า ถ้าเราเหยียบคนอื่น คนอื่นก็พร้อมจะเหยียบเรา ถ้าคุณคิดว่าคุณสูงส่งกว่าคนอื่น ถ้าคุณไม่ได้อยู่บนยอดเมฆ สุดท้ายก็จะมีตีนของคนอื่น มาเหยียบคุณอยู่ดี คุณชอบอารมณ์แบบนั้นไหม
เพื่อนสลิ่มของผม เดินในม็อบก็ปกติ แต่กลับบ้านไปโพสต์เฟซบุ๊ก อี๋ เหม็นสาบไอ้พวกฝุ่น รำคาญพวกควายต่างจังหวัดทำให้เดือดร้อน
วันนี้ ก็ต้องตั้งคำถามกลับ ว่าวันนี้คนพวกไหนทำให้เดือดร้อนกัน คนที่คิดว่าสูงกว่าคนอื่นตอนนั้น ลงมาอยู่บนถนนเอง ยังคิดว่าตัวเองเป็นคนดีอยู่ไหม
-คุณเอก อยู่จุดไหนของฝ่ายต่างๆ ในการเมืองไทยซึ่งมีการแบ่งประเภทอย่างไม่เป็นเอกภาพ
ถ้าพูดแบบ ดัดจริตชน ผมก็คือประชาชนไง คุณอยากจัดผมตามมุมมองของคุณก็ได้ ไม่มีปัญหา เป็นสลิ่มในสายตาเสื้อแดง หรือเป็นเสื้อแดงในสายตาเสื้อเหลือง สุดท้ายแล้ว ชีวิตคุณกับชีวิตผมเท่ากัน ผมไม่อยากเห็นใครตาย ผมจะเกลียดคุณสนธิยังไง ผมก็ไม่อยากให้เขาตาย
ถ้าผมต้องการใช้สิทธิของผมแล้วจะถูกเรียกว่าฝักใฝ่ทักษิณผมก็ยินดีถ้าจะบอกว่าผมไม่รักชาติเพราะผมอยากเลือกตั้ง ผมก็ยินดี ผมไม่ไปเป่านกหวีดกับคุณแล้วแปลว่าผมไม่รักชาติ ผมก็ยินดี
สิ่งที่ผมกำลังทำคือ ตะโกนบอกว่า กูรู้ว่ามึงกำลังทำอะไรอยู่นะ ถ้าจะให้เกิดแรงกระเพื่อมจริง ต้องมีคนบ้าอย่างผมหลายๆ คน ถ้าเขาเป่านกหวีดใส่เรา แล้วเราก็เป่าใส่เขาบ้าง ดูซิว่าจะเป็นอย่างไร ต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน ผมไม่คิดว่าผมจะไปล้มอะไรเขาได้ แต่ผมทำเต็มที่ได้แค่นี้ เราไม่มีอำนาจอื่น
ส่วนพรรคเพื่อไทยก็ต้องปรับปรุงวิธีคิดและความฉลาด อย่าให้เขาด่าว่าโง่ แล้วทำอะไรโง่จริงๆ ถ้าผมเป็นแกนนำ นปช. หรือฝ่ายรัฐบาล ผมจะเปิดเผย “กลุ่มทุน” ที่สนับสนุน กปปส. แต่แกนนำของเราก็เป็นอำมาตย์ไปแล้ว เขาไม่ต่อสู้แบบนี้ เขาควรจะบอก กปปส.ว่า ถ้าไม่หยุดจะประกาศชื่อสินค้าที่หนุนอยู่ รวมถึงเปิดเผยชื่อที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว
-ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีรถไฟความเร็วสูงแล้วทำให้สะเทือนใจไหม
สะเทือนใจเพราะควรจะวินิจฉัยว่าได้หรือไม่ตามกฎหมายมาตราใดก็ควรพอแค่นั้นไม่ใช่เรื่องความพอเพียงหรือ ถนนลูกรัง หรือเป็นความเห็นส่วนตัว กระทั่งความเป็นรัฐมนตรีสมัยแรกก็มีอยู่ในทุกรัฐบาล หรือเรายังไม่พร้อม เช่นเดียวกับสมัยจอมพลสฤษดิ์ ก็บอกว่า ไทยไม่พร้อมสำหรับประชาธิปไตยแบบสากล แล้วเราจะพร้อมสำหรับประชาธิปไตยแบบไหน หรือเราจะไม่พร้อมกับทุกอย่างในประเทศที่เจริญแล้ว ขณะที่ เวียดนามกับลาวก็เริ่มจะพร้อมแล้ว ฉะนั้น นี่เป็นการวินิจฉัยในบริบทกฎหมาย หรือบริบทการเมือง
เวลาเราไปต่างประเทศ พอรถไฟไปถึงบ้านเมืองเขาก็ดูเจริญขึ้น ถนนหนทางดูดีขึ้น คนไม่ต้องกระจุกในกรุงเทพฯ คนก็กระจายไปต่างจังหวัดทุกวัน บางทีอยู่ในสถานที่ไฮโซ พอโผล่ไปอีกที่อยู่ในสวนผัก ตากผักกิมจิ หรืออยู่เมืองที่ไม่มีหิมะตก ก็ไปโผล่เมืองที่มีหิมะได้ ทรัพยากรก็ดันออกไปกระจายสำหรับคนทั้งประเทศ คนไม่ต้องกระจุกในกรุง สร้างความเจริญทั้งประเทศ มันสะเทือนใจตรงที่คนไทยเห็นทุกเมืองเจริญได้ แต่เห็นเมืองไทยเจริญไม่ได้
สมัยหนึ่งในการร่างแผนปฏิรูปที่กระจายความเจริญไปยังคนทั้งประเทศชาวนาชาวไร่กลับถูกบอกว่าเป็นคอมมิวนิสต์แล้ว ตอนนี้เราเป็นอะไรอยู่ ถามว่าที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ตอนนี้ มันคือความเท่าเทียมกันของคนหรือเปล่า เราจำกัดสิทธิการเข้าถึงทรัพยากรของคนบางกลุ่ม
-คิดว่าหลังจากนี้เสียงในกรุงเทพฯจะเปลี่ยนไหม
เสียงในกรุงเทพฯไม่เปลี่ยนครับ เพราะเสียงในกรุงเทพฯ ถูกปลูกมานาน กรุงเทพฯเชื่อว่าประชาธิปัตย์เป็นคนดี สิ่งที่เราจะทำได้คือ ต้องบอกองค์กรที่ต้องทำหน้าที่เป็นกลางว่า ประชาชนรู้นะว่าเขาทำอะไรและควรจะมียางอาย
ที่มา http://www.matichon.co.th/