"ร.ต.อ.เฉลิม" เผย ศรส. ขอคืนพื้นที่ มท. แต่ไม่ได้ ให้เวลาอีก 4 วัน จะให้ อส. ปิดล้อมและจับกุม ตั้ง 12 ทีม จับกุมแกนนำตามหมายจับแล้ว ด้าน หลวงปู่พุทธะอิสระ เผย ยื่นหนังสือคัดค้านออกหมายจับ จ่อคุย กกต. ให้เข้าทำงาน ด้าน นายกฯ เข้าทำงานที่สำนักงานปลัดกลาโหม
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. เปิดเผยภายหลังจากการที่ ศรส. ได้จัดชุดเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม กปท. เพื่อขอคืนพื้นที่ กระทรวงมหาดไทย เมื่อช่วงวานนี้ แต่ผู้ชุมนุมได้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเป็น 600 คน แสดงให้เห็นว่า มีเจตนาไม่สุจริต หลังจากนี้ภายในระยะเวลา 4 วัน หากผู้ชุมนุมยังไม่ออกจากกระทรวงมหาดไทย ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า จะขอกำลังอาสาสมัคร ภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน 1,000 นาย ปิดล้อมและจับกุมผู้ที่ยังขัดขืน
ส่วนกรณีที่ศาลออกหมายจับแกนนำทั้ง 19 ราย เมื่อวานที่ผ่านมา ระบุว่า ได้มีการจัดตั้งทีมนำจับจำนวน 12 ทีม พร้อมทั้งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการออกหมายจับอีก 39 หมาย และหากวันนี้ศาลมีการอนุมัติหมายจับ หลวงปู่พุทธะอิสระ ก็จะดำเนินการทันที
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้กำชับไม่ให้ใช้กำลังและความรุนแรง ในการดำเนินการขอเปิดสถานที่ราชการ
อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีผู้ประกอบการธุรกิจที่พักโรงแรม ให้ที่พักอาศัยกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. โดยทาง ศรส. จะมีการทำหนังสือเพื่อเรียกผู้จัดการมาทำการสอบสวนและชี้ข้อเท็จจริง เพราะ นายสุเทพ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งหากยังขัดขืน ก็จะถูกดำเนินคดีไปด้วย
พระพุทธะอิสระส่งหนังสือค้านออกหมายจับ
บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มมวลชน กปปส. บริเวณหน้ากรมการกงสุล ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ล่าสุด หลวงปู่พุทธะอิสระ ผู้รับผิดชอบเวที กปปส.แจ้งวัฒนะ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ได้ให้ทนายยื่นหนังสือคัดค้านการ
ออกหมายจับ กรณีการชุมนุมที่สำนักงานเขตหลักสี่ เนื่องจากมองว่าจะต้องมีการออกหมายเรียกก่อน แต่กลับมี
การเร่งรัดออกหมายจับโดยทันที โดยไม่มีการตรวจสอบพยานที่ชัดเจน พร้อมยืนยันว่าไม่ได้บุกรุก ข่มขู่ หรือปิดสถานที่ราชการแต่อย่างใด ดังนั้น คำร้องออกหมายจับนี้น่าจะเป็นเท็จ และจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่ยื่นคำร้อง ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อย่างไรก็ตาม หากศาลมีการออกหมายจับนั้น ตนเองก็ไม่กังวล และจะทำหนังสือผ่อนผันออกไป
ออกหมายจับ กรณีการชุมนุมที่สำนักงานเขตหลักสี่ เนื่องจากมองว่าจะต้องมีการออกหมายเรียกก่อน แต่กลับมี
การเร่งรัดออกหมายจับโดยทันที โดยไม่มีการตรวจสอบพยานที่ชัดเจน พร้อมยืนยันว่าไม่ได้บุกรุก ข่มขู่ หรือปิดสถานที่ราชการแต่อย่างใด ดังนั้น คำร้องออกหมายจับนี้น่าจะเป็นเท็จ และจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่ยื่นคำร้อง ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อย่างไรก็ตาม หากศาลมีการออกหมายจับนั้น ตนเองก็ไม่กังวล และจะทำหนังสือผ่อนผันออกไป
นอกจากนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. จะมีการพูดคุยกับส่วนราชการต่างๆ
โดยเฉพาะ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เรื่องการเปิดอาคารบี ให้ข้าราชการเข้าไปทำงาน โดยจะมีการหารือที่อาคารดังกล่าว ทั้งนี้ ภายหลังการให้สัมภาษณ์ ได้มีกลุ่มผู้สนับสนุนนำเงินมามอบให้ หลวงปู่พุทธะอิสระ จำนวน 100,000 บาท ด้วย
โดยเฉพาะ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เรื่องการเปิดอาคารบี ให้ข้าราชการเข้าไปทำงาน โดยจะมีการหารือที่อาคารดังกล่าว ทั้งนี้ ภายหลังการให้สัมภาษณ์ ได้มีกลุ่มผู้สนับสนุนนำเงินมามอบให้ หลวงปู่พุทธะอิสระ จำนวน 100,000 บาท ด้วย
นายกฯเข้าสนป.กห.เกาะติดกกต.เคาะวันลต.
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี ตามปกติ โดยคาดว่า จะมีการติดตามผลการประชุมจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ที่จะกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ในเขตที่มีปัญหา รวมถึงต้องติดตามว่า รัฐบาลจะมีมาตรการใดออกมา เพื่อแก้ปัญหาให้กับชาวนา ที่วันนี้มีการรวมตัวเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าวที่ล่าช้า
ขณะเดียวกัน วันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายเดินทางไปชี้แจงต่ออัยการ ตามหมายเรียกกรณีที่ศาลแพ่ง รับคำร้องของ นายถาวร เสนเนียบ แกนนำ กปปส. ที่ยื่นศาลแพ่ง ฟ้อง นายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในข้อหาละเมิดและให้เพิกถอนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง และห้ามใช้กำลังสลายการชุมนุม
ศรส.เร่งจับ19กปปส.จ่อขอหมายอีก39ขวางลต.
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในฐานะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. และ พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการประชุม ศรส. โดยตามที่ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับแกนนำ กปปส. รวม 19 คน ซึ่งหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ของ ศรส. จะดำเนินการเข้าจับกุม และเมื่อจับกุมได้แล้ว จะนำตัวไปควบคุมไว้ที่ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 จ.ปทุมธานี
นอกจากนี้ จะทำการยื่นขออนุญาตศาลอนุมัติหมายจับอีก 39 คน จนครบ 58 คน โดย ศรส. มุ่งดำเนินคดีตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อน เพื่อความสะดวกในการควบคุมตัว จากนั้นจึงจะได้ดำเนินการในข้อหาหนักอื่นๆ ต่อไป
ทั้งนี้ ศรส. ได้มีการออกหนังสือสำคัญ 3 ฉบับ โดยฉบับแรก เป็นหนังสือถึง ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อแจ้งข้อมูลการกระทำการของ กปปส. ที่ขัดขวางและละเมิดสิทธิของผู้อื่นในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ฉบับที่สอง เป็นหนังสือถึง กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงแนวทางการดำเนินการของ ศรส. ที่จะไม่ใช้กำลังเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอันขาด และฉบับที่สาม เป็นหนังสือถึง องค์การสหประชาชาติ หรือ UN เพื่อแจ้งข้อมูลการกระทำผิดของแกนนำ กปปส.
ส่วนกรณีผู้ให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ขณะนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 136 ราย ซึ่งคาดว่าภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ จะสามารถออกคำสั่งและเรียกเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง โดยมุ่งเน้นผู้ที่ให้การสนับสนุนด้านเงินทุนเป็นหลัก
ที่มา innnews.co.th