วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

'ชูวิทย์'ชี้หากลต.ครั้งนี้เป็นโมฆะจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต

'ชูวิทย์'ชี้หากลต.ครั้งนี้เป็นโมฆะจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต


"ชูวิทย์" โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ หากศาลรธน.ตัดสินให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ จะเป็นบรรทัดฐานให้ปฏิบัติต่อไปในอนาคต  พร้อมบอกว่าประเทศไทยมีเรื่องแปลกที่สุดคือ ต้องให้ศาลเป็นผู้ตัดสินว่า ผู้ที่ใช้วิธีการตามกฎหมาย กับ ผู้ที่ใช้วิธีการนอกกฎหมาย ใครเป็นฝ่ายถูก?
 
 
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I m No.5 ระบุว่าวันนี้(5ก.พ.57) ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อคุ้มครองสิทธิ์ของผู้ที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา  ซึ่งหากการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ วิธีนอกกฎหมาย ละเมิดสิทธิของผู้อื่น โดยใช้วิธีการชุมนุมขัดขวางการเลือกตั้ง และอ้างเอาความชอบธรรมล้มการเลือกตั้งว่าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ จะเป็นบรรทัดฐานให้ปฏิบัติต่อไปในอนาคต และผลการพิจารณานั้นย่อมส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นวงกว้างและบาดลึกอยู่ในประวัติศาสตร์ สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แม้ว่าจะไม่ได้โหวตให้ใคร แต่ยังไปรักษากติกาย่อมท้อแท้ และต้องยอมพ่ายแพ้ต่อวิธีการกฎหมู่เหนือกฎหมาย
 
พร้อมระบุว่า ประเทศไทยมีเรื่องแปลกๆหลายอย่าง แต่ที่แปลกที่สุดคือ ต้องให้ศาลตัดสินว่า ผู้ที่ใช้วิธีการตามกฎหมาย กับ ผู้ที่ใช้วิธีการนอกกฎหมาย ใครเป็นฝ่ายถูก?
 
 
หากเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ
 
วันนี้ผมได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อคุ้มครองสิทธิ์ของผู้ที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างที่สุดต่อระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย
 
หากการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ วิธีนอกกฎหมาย ละเมิดสิทธิของผู้อื่น โดยใช้วิธีการชุมนุมขัดขวางการเลือกตั้ง และอ้างเอาความชอบธรรมล้มการเลือกตั้งว่าเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ จะเป็นบรรทัดฐานให้ปฏิบัติต่อไปในอนาคต
 
เปรียบเทียบให้เห็นกับการที่ผู้ฟ้องใช้หลักฐานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย มาเป็นหลักฐานในการเอาผิด ย่อมทำให้ศาลใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ เพราะกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น
 
"มวลมหาประชาชน" จำนวนหมื่น แสน หรือล้าน ที่ออกมาเดินตามท้องถนน ย่อมเปรียบเทียบไม่ได้เลยกับ จำนวน 20.4 ล้านคน ที่มีชื่อชัดเจน เป็นหลักฐานปรากฏที่คูหาเลือกตั้ง ถือเป็นผู้รักษากติกา ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 
 
ผลการพิจารณานั้นย่อมส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นวงกว้างและบาดลึกอยู่ในประวัติศาสตร์ สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แม้ว่าจะไม่ได้โหวตให้ใคร แต่ยังไปรักษากติกาย่อมท้อแท้ และต้องยอมพ่ายแพ้ต่อวิธีการกฎหมู่เหนือกฎหมาย
 
ผมจึงไปยื่นคำร้องเพื่อพิทักษ์สิทธิ์ของตัวเองและประชาชนผู้มีสิทธิ์ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และได้ใช้สิทธิ์นั้นแล้ว การให้เสียงส่วนน้อยใช้วิธีการนอกกฎหมายรุกล้ำละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น ทำให้ต้องเสียสิทธิ์โดยปราศจากความยินยอม ย่อมเป็นสิ่งที่ทุกๆสังคมไม่สามารถจะยอมรับได้
 
ประเทศไทยมีเรื่องแปลกๆหลายอย่าง แต่ที่แปลกที่สุดคือ ต้องให้ศาลตัดสินว่า ผู้ที่ใช้วิธีการตามกฎหมาย กับ ผู้ที่ใช้วิธีการนอกกฎหมาย ใครเป็นฝ่ายถูก?
 
 

เข้าดูมากที่สุด 7 วันที่ผ่านมา