วันที่ 20 ม.ค. ที่อาคารซอฟแวร์ ปาร์ค ถนนแจ้งวัฒนะ นายมาลัยรักษ์ ทองชัย ตัวแทนกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในข้อหากบฏและหมิ่นสถาบัน โดยมีพฤติกรรมเข้าข่ายไม่ดำเนินการให้การรับสมัครเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย เช่น กรณีไม่ยอมเปลี่ยนแปลงสถานที่รับสมัครเลือกตั้งจนก่อให้เกิดการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกปปส.กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกจากนี้ยังกระทำการไม่บังควรด้วยการมีมติทำหนังสือเสนอไปยังรัฐบาลขอให้พิจารณาออกพระราชกฤษฏีกากำหนดการเลือกตั้งใหม่ ทั้งที่ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของกกต.ในการขอเลื่อนการเลือกตั้งออกไปพฤติกรรมทั้งหมดนี้เข้าข่ายขัดขวางและล้มการเลือกตั้งจึงถือเป็นการกระทำที่ล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดังนั้นจึงต้องการให้ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีตามข้อร้องเรียนต่อไป
ด้านกลุ่มผู้ชุมนุมกปปส.จากเวทีราชประสงค์นำโดยนายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ นายสกลธี ภัทริยกุล และนายชุมพลจุลใส หลังการเดินทางไปปิดสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลก็ได้นำผู้ชุมนุมบุกเข้ามาภายในอาคารซอฟแวร์ปาร์ค ซึ่งขณะนี้ได้มีหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรมเข้าไปใช้เป็นสถานที่ทำงานชั่วคราว โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)
ผู้ชุมนุมพยายามจะขอเข้าพบกับนายธาริตและประกาศให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอหยุดทำงานโดยกำหนดให้ต้องออกจากสถานที่ดังกล่าวภายในครึ่งชั่วโมง อย่างไรก็ตาม หลังกลุ่มกปปส.เคลื่อนมาปิดล้อมอาคารซอปแวร์ ปาร์ค ซึ่งเป็นอาคารเช่าของเอกชนทำให้พนักงานบริษัทที่ทำงานอยู่ในอาคารดังกล่าวที่อยู่ใกล้ช่วงพักกลางวันเกิดอาการตกใจวิ่งหนีออกจากอาคาร
ทั้งนี้ก่อนที่ผู้ชุมนุมจะบุกมาถึงหน้าลิฟต์ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พ.ต.อ.นิรันดร์อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ1กำลังจะขึ้นลิฟท์ไปทำงานที่ชั้น31 นายชุมพล จุลใส แกนนำจึงประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่าผู้ที่กำลังจะเข้าลิฟท์คือพ.ต.อ.นิรันดร์ และจะเข้าไปล้อม ทำให้พ.ต.อ.นิรันดร์ตกใจหนีเข้าลิฟต์ ซึ่งภายในลิฟต์มีพนักงานผู้หญิงอยู่ด้วยสองคน แต่แกนนำได้กั้นประตูไม่ปิด และขอให้พ.ต.อ.นิรันดร์ออกมาพบปะผู้ชุมนุมด้านนอก แต่พ.ต.อ.นิรันดร์ อยู่ในอาการตกใจไม่ยอมออกมาพบกับผู้ชุมนุม
เมื่อแกนนำเจรจาขอให้กลับบ้าน พ.ต.อ.นิรันดร์ก็ยืนยันจะขึ้นไปที่ชั้น 31 แกนนำจึงได้ปล่อยให้ขึ้นไป แต่ประสานให้เจ้าหน้าที่อาคารและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเพื่อขอเข้าไปตรวจสอบทุกชั้นที่หน่วยงานกระทรวงยุติธรรมเข้าไปใช้เป็นสถานที่ทำงานชั่วคราวเพื่อนำกุญแจไปปิดล็อกทุกชั้นที่กระทรวงยุติธรรมเข้าไปใช้ทำงานซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น คือ19, 22 , 27 , 28 , 30 , 31 และ38 โดยการปิดล็อคดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำงานได้อีก
ต่อมา พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มกปปส.เข้าปิดอาคารซอฟแวร์ ปาร์ค ซึ่งกระทรวงยุติธรรมใช้เป็นสถานที่ทำงานชั่วคราวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่ได้รู้สึกตกใจ โดยในช่วงที่เกิดเหตุตนกำลังจะลงไปธุระแต่เมื่อเห็นผู้ชุมนุมก็เกรงว่าจะเกิดการปะทะกันจึงตัดสินใจจะขึ้นไปที่ชั้น 31 ซึ่งเป็นห้องทำงาน แต่ในจังหวะนั้นได้มีแกนนำคนนึงเข้ามาดึงตนโดยบอกว่าต้องการให้ไปพบปะกับผู้ชุมนุมซึ่งตนไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์บานปลายจึงไม่ออกไปพบ ทั้งนี้ยืนยันว่าที่ผ่านมาบทบาทหน้าที่ของตนนั้นเป็นการทำงานไปตามหน้าที่ เช่น คดีการบริจาคเงินของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอาจทำให้ถูกมองว่าทำงานฟากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้สั่งให้ชะลอการสอบสวนคดีดังกล่าวไว้ก่อนจนกว่าสถานการณ์ชุมนุมจะยุติ พร้อมกันนี้ปฏิเสธกรณีที่ยกมือไหว้แกนนำขณะที่ถูกกันตัวในลิฟท์ว่าที่ยกมือในลักษณะไหว้นั้นมีเจตนาเพียงต้องการขอร้องให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบและไม่ใช้ความรุนแรงเท่านั้น ไม่ได้ยกมือไหว้เพราะความกลัว
ที่มา
