รวมพลคนเสื้อแดง

ออกมาเพื่อรักษาประชาธิประไตย

บรรยากาศข้างในและข้างนอก

มวลชนคนรักประชาธิประไตยตัวจริงเสียงจริง

คนเสื้อแดง

คนรักประชาธิประไตยที่มีหัวใจเดียวกัน

พี่น้องรักประชาธิประไตย

พี่น้องที่รักประชาธิประไตยจะลำบากแค่ไหนก็อยู่ได้ทุกที่ เราอยู่ด้วยความรัก พี่น้องทุกคนคือครอบครัวเรา

รวมรูปพี่น้องเสื้องแดง

รวมรูปพี่น้องเสื้อแดง พี่น้องที่รักประชาธิประไตย พี่น้องร่วมอุดมการเดียวกัน.

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

สหประชาชาติประจำไทย เรียกร้องทุกฝ่ายเคารพสิทธิเลือกตั้ง ตามที่ให้สัตยาบันภาคีระหว่างปท.


วันที่ 31 ม.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย หรือ ยูเอ็นซีที ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย และแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสียชีวิตและบาดเจ็บอันเป็นผลมาจากการเผชิญหน้าทางการเมือง โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิเสธการใช้ความรุนแรงทุกประเภท และสนับสนุนให้ทุกฝ่ายเคารพสิทธิเสรีภาพในการเลือกตั้ง รวมถึงการแสดงออกผ่านการชุมนุมโดยสงบสันติ ตามที่ประเทศไทยให้สัตยาบันในฐานะภาคีกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

ทั้งนี้ ยูเอ็นซีที ระบุว่า เข้าใจถึงความยากลำบากและประเด็นปัญหาอันซับซ้อนที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ และขอเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายร่วมกันสร้างฉันทามติในการปฏิรูปการเมืองอย่างเป็นมิตร

ที่มา : http://www.un.or.th/

เสื้อขาวจุดเทียนหนุนเลือกตั้ง ท่ามกลางเสียงนกหวีดของข้าราชการสธ.ที่หนุนกปปส.




      

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 31 ม.ค. ที่บริเวณหน้าเสาธงกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กลุ่มข้าราชการสธ.ที่สนับสนุนกลุ่มกปปส. ได้รวมตัวกัน และเป่านกหวีดภายหลังทราบว่า กลุ่มเสื้อขาวสนับสนุนการเลือกตั้งได้นัดจุดเทียนต่อต้านความรุนแรงและสนับสนุนการเลือกตั้งในวันเดียวกัน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งสองกลุ่มต่างเริ่มทยอยเดินทางมาบริเวณหน้าเสาธงเพื่อทำกิจกรรม โดยกลุ่มกปปส. มีประมาณ 50 คน ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการประจำสธ. ซึ่งได้นัดรวมตัวเพื่อต่อต้านกลุ่มเสื้อขาวที่จะมาใช้สถานที่ของสธ. เพื่อจุดเทียนโดยระบุว่า เป็นการแอบอ้างทำเพื่อวัตถุประสงค์แอบแฝงและไม่ใช่ข้าราชการกระทรวง ส่วนกลุ่มเสื้อขาวได้ทยอยเดินทางมาประมาณกว่า 100 คน โดยกลุ่มเสื้อขาวมีทั้งข้าราชการสธ.และประชาชนที่สนับสนุนการเลือกตั้ง ซึ่งระหว่างจะเริ่มทำกิจกรรมมีการตะโกนใส่กันเล็กน้อย ว่ามีสิทธิที่จะแสดงออกในสิ่งที่ตนคิด ก่อนที่เจ้าหน้าที่ สธ.จะขอร้องให้ทั้งสองฝ่ายต่างกันต่างแสดงออก และมีการใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจกั้นแถวทั้งสองฝ่ายออกจากกัน จากนั้นจึงต่างกันต่างทำกิจกรรม 

ทั้งนี้ กลุ่มเสื้อขาวได้ทำกิจกรรมรณรงค์ให้ไปเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. โดยมีกลุ่มข้าราชการสนับสนุนกปปส.เป่านกหวีดอยู่ตลอดการทำกิจกรรม หลังจากจุดเทียนแล้วทางกลุ่มยังเดินไปปักเทียนรอบๆ ณ ลานพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร จากนั้นทยอยเดินทางกลับ โดยไม่มีเหตุปะทะกันแต่อย่างใด 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเคยติดป้ายขับไล่หน้าห้องทำงาน และนพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้สวมเสื้อขาวมาร่วมกันจุดเทียนเขียนสันติภาพ แสดงจุดยืนให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นี้  ซึ่งกลุ่มข้าราชการ เจ้าหน้าที่ สธ. มาเป่านกหวีด พร้อมขับไล่ นพ.ชาญวิทย์ ว่า  " ชาญวิทย์ ออกไป" 

ทั้งนี้ นพ.ชาญวิทย์ กล่าวว่า ตนมาร่วมจุดเทียน เพราะเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่สนับสนุนการเลือกตั้ง และตามกฎหมายข้าราชการต้องสนับสนุนการเลือกตั้ง

สื่อเทศถามคนอุดร 'ทำไมรักทักษิณ'

สื่อเทศถามคนอุดร 'ทำไมรักทักษิณ'


สำนักข่าวเอเอฟพีลงพื้นที่อุดรธานี สัมภาษณ์ผู้สนับสนุนรัฐบาลชินวัตร คนเสื้อแดงเผย 'ทักษิณ' ช่วยให้มีกินมีใช้ พ้อคนกรุงดูแคลนชาวอีสานโง่ ลั่นพร้อมสู้ตุลาการภิวัตน์โค่นอำนาจประชาชน

ผู้สื่อข่าวเอเอฟพี Aidan Jones รายงานจากบ้านดงยาง ในจังหวัดอุดรธานี ฐานเสียงของพรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตรกับทักษิณ ชินวัตร ว่า ชาวบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกตนจะลงคะแนนเลือกรัฐบาลที่ตระกูลชินวัตรสนับสนุน เป็นการตอบแทนที่ทักษิณช่วยให้ผู้คนในภูมิภาคที่ยากจนที่สุดนี้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

โจนส์ บอกว่า ชาวบ้านต่างเล่าถึงประโยชน์นานัปการที่พวกตนได้รับจากนโยบายของทักษิณ เช่น โครงการรับจำนำข้าว, 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน, กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา

@  คนเสื้อแดง บ้านดงยาง อุดรธานี ในร้านขายของชำของหมู่บ้าน

"ก่อนยุคทักษิณ ไม่เคยมีนักการเมืองมาที่นี่"  นางสมสมัย พาพร วัย 47 ในชุดเสื้อยืดที่พิมพ์ภาพนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บอก "ทักษิณเข้าใจหัวอกของพวกเรา ช่วยเรา ตอนนี้พวกเราอยากช่วยเขา"

นางสมสมัย กล่าวว่า ถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามของพวกแกนนำประท้วงในกรุงเทพ ทำให้คนยากคนจนยิ่งรักผูกพันคนตระกูลชินวัตร

"พวกนั้นพูดว่า คนอีสานโง่ ขี้เกียจ แต่เราเป็นกระดูกสันหลังของชาติ เราปลูกข้าวที่คนกรุงเทพกิน เราสร้างตึกสวยๆที่คนกรุงเทพอยู่"  เธอพูด นัยน์ตารื้นด้วยน้ำตา

"เราเจ็บปวดที่พวกเขาเกลียดเรา ไม่เป็นไร เดี๋ยวนี้เราก็เกลียดพวกเขาเหมือนกัน"

นางสมสมัย บอกอีกว่า แต่ก่อนครอบครัวของนางต้องหาเช้ากินค่ำ จนกระทั่งได้รับเงินกู้ดอกเบี้ยถูกจากกองทุนหมู่บ้าน จำนวน 9,000 บาทเมื่อปี 2549

เธอเอาเงินกู้มาขยายร้านขายของชำ ต่อเติมบ้าน และเริ่มมีเงินเหลือเก็บเป็นครั้งแรก

นางยังได้รับประโยชน์จากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคด้วย

รายงานของเอเอฟพีชิ้นนี้ บอกว่า นโยบายเหล่านี้ ช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งถูกทอดทิ้งมานาน

สถิติของทางการไทยระบุว่า ระหว่างปี 2544-2554 รายได้ต่อหัวของชาวอีสาน เพิ่มขึ้นสองเท่าตัว เป็นประมาณ 48,000 บาท ในช่วงเวลาเดียวกัน รายได้ต่อหัวในกรุงเทพ พุ่งทะยานจาก 260,000 บาทเป็นเกือบ 421,000 บาท

@  นักจัดรายการทางวิทยุชุมชน ผู้สนับสนุนนักการเมืองตระกูลชินวัตร

นักวิเคราะห์บอกว่า ความแตกแยกทางการเมืองอาจกำลังผลักประเทศไทยไปยืนบนขอบเหว ในหมู่คนเสื้อแดงในอุดรธานี ความคับแค้นกำลังสั่งสมขึ้นอีกครั้ง หลังจากนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำชมรมคนรักอุดร ถูกสาดกระสุนลอบยิงเมื่อสัปดาห์ก่อน ตัวเขาได้รับบาดเจ็บที่แขนและขา

นายขวัญชัยกล่าวกับเอเอฟพี คาดการณ์ว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งในวันอาทิตย์ พร้อมกับเตือนว่า คนเสื้อแดงจะไม่ยอมรับการแทรกแซงของศาล ที่จะล้มล้างผลการลงคะแนนเสียงของประชาชน

"เราจะออกมาสู้ด้วยพลังของประชาชน แบบเดียวกับเมื่อปี 2553 เราสู้กับรถถังมาแล้ว เราจะสู้อีก คราวนี้เราจะไม่ยอมจำนน."

Picture : AFP
http://news.voicetv.co.th/thailand/95865.html

ผบ.ตร.เยี่ยม 'ด.ต.คงเพชร' ถูกทำร้ายหน้าสโมสร ทบ.

ผบ.ตร.เยี่ยม 'ด.ต.คงเพชร' ถูกทำร้ายหน้าสโมสร ทบ.


ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เยี่ยม "ด.ต.คงเพชร" ถูกทำร้ายหน้าสโมสร ทบ. พร้อมมอบเงินสวัสดิการกว่า 2 แสนบาท
 
 
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้าเยี่ยม พร้อมมอบเงินสวัสดิการ กว่า 200,000 บาท ให้กับ ด.ต.คงเพชร เพชรกันหา ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กรณีถูกกการ์ด กปปส. รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ที่บริเวณหน้าสโมสรทหารบก เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
 
 
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุ หากอาการของ ด.ต.คงเพชร ดีขึ้นกว่านี้ อาจขอตัวไปรักษาอาการต่อที่ โรงพยาบาลตำรวจ
 
 
อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินคดีต่างๆ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รับผิดชอบ เบื้องต้นทราบว่า เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมทางการเมือง ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับ
 
 
ขอบคุณข้อมูลจาก ไอ.เอ็น.เอ็น.
ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก Policespokesmen 

'ภราดร' เผยพร้อมกลับไปใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เชื่อไม่เกิดปัญหา

'ภราดร' เผยพร้อมกลับไปใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เชื่อไม่เกิดปัญหา


เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เผยพร้อมกลับไปใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เชื่อไม่เกิดปัญหา
 
 
 
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ในฐานะเลขาฯ ศรส. เปิดเผยว่า ภาพรวมการอำนวยความสะดวกในการเดินรณรงค์เมื่อวานนี้ (30 ม.ค.57) ถือว่าดี เพราะผู้ชุมนุมประกาศเส้นทางก่อน ทำให้สามารถเตรียมมาตรการรองรับในการดูแลประชาชนได้เป็นอย่างดี แต่เป็นห่วงการชุมนุมในวันที่ 2 ก.พ. นี้ เพราะเชื่อว่า จะมีมวลชนจำนวนมาก และยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการเคลื่อนไปจุดใดบ้าง ทำให้ไม่สามารถเตรียมแผนรับมือได้ แม้แกนนำจะประกาศไม่ไปยังจุดลงคะแนนเลือกตั้ง แต่การชุมนุมบริเวณจุดใหญ่ๆ บนถนนก็ถือเป็นอุปสรรคในการไปใช้สิทธิ์ของประชาชนเช่นกัน ดังนั้น จึงตั้งความหวังไว้ที่ชุดเจรจา ที่มี พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าชุดเจรจา ที่จะพูดคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ว่าจะมีชัดเจน และทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
 
          
พร้อมกันนี้ พล.ท.ภราดร ยังบอกว่า หากศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามที่แกนนำ กปปส. ยื่นคำร้องให้มีการไต่สวนและขอคุ้มครองชั่วคราว พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็จะมีการปรับเปลี่ยนการใช้อำนาจในการดูแลสถานการณ์ ไปใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง อีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาในการดูแลสถานการณ์แต่อย่างใด
  
 
 
 
 เลขาธิการศูนย์รักษาความสงบ ยอมรับพร้อมกลับไปใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง หากศาลแพ่งคุ้มครองชั่วคราว พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เชื่อไม่น่ามีปัญหาดูแลสถานการณ์
 
  
 ที่มา : News Center /  springnewstv

โพลระบุคนส่วนใหญ่กังวลเกิดเหตุรุนแรงวันเลือกตั้ง 2 ก.พ.

โพลระบุคนส่วนใหญ่กังวลเกิดเหตุรุนแรงวันเลือกตั้ง 2 ก.พ.


สวนดุสิตโพลระบุปชช.ส่วนใหญ่กังวลเกิดเหตุรุนแรงวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. นี้ 
 
 
 
จากที่นายกฯยิ่งลักษณ์ และ กกต.ประชุมหารือกันเรื่องการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ แล้วสรุปออกมาว่าไม่เลื่อนการเลือกตั้ง ทำให้หลายฝ่ายต่างเป็นห่วงและวิตกกังวลว่าจะมีสถานการณ์ที่รุนแรงหรือความวุ่นวายเกิดขึ้นในช่วงการเลือกตั้งเช่นเดียวกับวันเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผ่านมา เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง
         
 
 "สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สอบถามความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,403 คน ระหว่างวันที่ 29-31 มกราคม 2557 สรุปผลดังนี้
         
 เมื่อถามว่า ประชาชนคิดอย่างไร? กรณี นายกฯยิ่งลักษณ์ และ กกต.ประชุมหารือกันแล้วสรุปไม่เลื่อนการเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์
          
อันดับ 1 รู้สึกเป็นห่วงและกังวล กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นในวันเลือกตั้ง 36.55%
          
อันดับ 2 ต้องยอมรับและปฏิบัติตาม ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อรักษาสิทธิของตนที่มีอยู่ 18.07%
          
อันดับ 3 ทั้งรัฐบาล กกต. และกปปส ควรพูดจาตกลงร่วมกันก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายในวันเลือกตั้ง 17.23%
          
อันดับ 4 กลัวเรื่องความไม่ปลอดภัย เดินทางไม่สะดวก ประชาชนไม่กล้าออกมาใช้สิทธิ เนื่องจากมีม็อบมาชุมนุมและปิดหน่วยเลือกตั้ง 15.55%
          
อันดับ 5 สิ้นเปลืองงบประมาณ การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีความพร้อม เลือกไปก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ 12.60%
          
เมื่อถามว่า ประชาชนคิดว่าควรทำ อย่างไร? การเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ จึงจะไม่วุ่นวาย
          
อันดับ 1 ควรเจรจาพูดคุยเพื่อหาข้อยุติให้ได้ ขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้เห็นแก่บ้านเมืองและประโยชน์ของส่วนรวม 36.04%
          
อันดับ 2 ยกเลิกหรือเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน 20.30%
          
อันดับ 3 มีมาตรการรักษาความปลอดภัย เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ 19.79%
          
อันดับ 4 ทำตามหน้าที่ของประชาชนให้ดีที่สุด ไม่สร้างความเดือดร้อนหรือความวุ่นวายให้บ้านเมือง 12.18%
          
อันดับ 5 กกต. จะต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด ตรงไปตรงมา มีการวางแผนการเลือกตั้งที่ดี ป้องกันการทุจริตเลือกตั้งหรือวิธีการปฏิบัติเมื่อถูกปิดหน่วยเลือกตั้ง 11.69%
 
 
 
ที่มา :  News  Center / thanonline
ภาพ : VoiceTV 
http://news.voicetv.co.th/democracycrisis/95867.html

นายกรัฐมนตรี โพสต์ FB อวยพรวันตรุษจีน

นายกรัฐมนตรี โพสต์ FB อวยพรวันตรุษจีน


นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กอวยพรวันตรุษจีน ขอพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนร่ำรวย มั่งมีศรีสุข แข็งแรง รักใคร่ปรองดอง
 
 
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  โพสต์เฟซบุ๊กอวยพรประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนเนื่องในวันตรุษจีน  โดยระบุว่า "ซินเหนียน ไคว่เล่อ  ตรุษจีนปีนี้ ขออวยพรให้พี่น้องไทยเชื้อสายจีน ร่ำรวย มั่งมี ศรีสุข มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง สามัคคี รักใคร่ ปรองดองกันนะคะ"

ขอบคุณรูปจาก  voicetv.co.th

โอ๊ค FB ผู้ขัดขวางเลือกตั้ง เปรียบเป็น 'ศัตรูประชาธิปไตย'

โอ๊ค FB  ผู้ขัดขวางเลือกตั้ง เปรียบเป็น 'ศัตรูประชาธิปไตย'


พานทองแท้ ชินวัตร    โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุ  ผู้พยายามขัดขวางการเลือกตั้ง ตั้งแต่มีการประกาศยุบสภา เราอาจจะเรียกพวกเขาว่า 'ศัตรูประชาธิปไตย'    โดยระบุข้อความดังนี้ 

2 กุมภาพันธ์ นี้เป็นวันสำคัญของคนไทยทั้งประเทศที่จะออกมารักษาระบอบประชาธิปไตย ผ่านการเลือกตั้ง แต่กว่าจะถึงวันนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราจะเห็นว่ามีผู้พยายามขัดขวางการเลือกตั้ง ตั้งแต่มีการประกาศยุบสภา เราอาจจะเรียกพวกเขาว่า "ศัตรูประชาธิปไตย" 


พอดีไปเจอเพจหนึ่งซึ่งชื่อนี้พอดี หากใครสนใจลองแวะเข้าไปดูกัน อีกไม่ถึง 48 ชั่วโมงนี้เราจะบอกเหล่าศัตรูประชาธิปไตยว่า อำนาจประชาธิปไตยเริ่มจากหนึ่งคนหนึ่งเสียงหนึ่งสิทธิ์เท่ากัน (ทีมเพื่อนโอ๊ค)

https://www.facebook.com/enemyofdemocracy

'นพดล'ชี้ขวางเลือกตั้งซ้ำเติมวิกฤตประเทศ

'นพดล'ชี้ขวางเลือกตั้งซ้ำเติมวิกฤตประเทศ


"นพดล"ย้ำว่าคนไทยทั้งประเทศต้องการเลือกตั้ง 2 ก.พ.57  ชี้การขัดขวางการเลือกตั้ง ถือว่าเป็นการซ้ำเติมวิกฤตประเทศ
 
ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการพบนางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ว่าต่างชาติเป็นห่วงเรื่องความรุนแรง และนายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่าการเลือกตั้ง 2 กุมภาฯ จะมีปัญหา เพราะไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ รัฐธรรมนูญ และจะไม่สุจริตและเที่ยงธรรมนั้น
 
นายนพดล ปัทมะ กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ ไม่รู้สึกสำนึกและละอายใจบ้างเลยหรือว่าการเลือกตั้ง 2 กุมภาฯ จะมีปัญหาเพราะพรรคการเมืองใด หรือกลุ่มมวลชนที่จัดตั้งโดยใคร นายอภิสิทธิ์เคยเรียกร้องให้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ยุบสภา แต่เมื่อยุบสภา พรรคประชาธิปัตย์กลับมีมติบอยคอตการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่รับเงินภาษีประชาชนจาก กกต. ไปสนับสนุนกิจการพรรค และเมื่อมีการเปิดรับสมัคร ก็มีกลุ่ม กปปส. ไปขัดขวาง ไม่ให้พรรคการเมือง 50 กว่าพรรคลงสมัครได้ ทั้งในกรุงเทพและในจังหวัดภาคใต้ ซึ่งคนทั้งประเทศรู้ว่ากลุ่ม กปปส. จัดตั้งโดยอดีตรัฐมนตรีและแกนนำของพรรคการเมืองใด และเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นในฐานเสียงของพรรคการเมืองใด และเมื่อมีการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อ 26มกราฯ ก็มีการขัดขวางการเลือกตั้ง ตนขอถามว่านายอภิสิทธิ์รู้สึกเช่นไรกับเหตุการณ์การปล้นสิทธิประชาชน
 
ดังนั้นการที่นายอภิสิทธิ์ทำนายว่าการเลือกตั้ง 2 กุมภาฯ จะมีความรุนแรง นายอภิสิทธิ์ไม่รู้เลยหรือว่าปัญหาเกิดขึ้นจากใคร นอกจากนี้นักการเมืองบางคนที่ไม่สำนึกในการกระทำของตัวเอง ยังไปยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาเพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะอีก ขอเรียนว่าการตัดสินใจบอยคอตการเลือกตั้งก็เป็นเรื่องน่าละอายอยู่แล้ว การเดินหน้าไปทำให้การเลือกตั้งซึ่งประชาชนเกือบทั้ง 50 ล้านคนไปลงคะแนนให้เป็นโมฆะซ้ำอีก ถือว่าเป็นการกระทำที่ประชาชนจะไม่ให้อภัย เพราะเขาหวงแหนสิทธิ์และสำนึกในหน้าที่ของตน
 
 
ส่วนการนำเรื่องที่พบนางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย แล้วนำมาพูดว่าต่างชาติเห็นว่าไม่อยากให้เกิดความรุนแรง คนไทยที่รักประชาธิปไตยต้องขอบคุณสหรัฐอเมริกาที่มีท่าทีชัดเจนว่า การปิดกั้นการเลือกตั้งเท่ากับการละเมิดสิทธิสากลของประชาชน ต้องขอบคุณมิตรประเทศ เช่น อียู จีน ออสเตรเลีย ที่สนับสนุนสันติวิธีในประเทศไทย รัฐบาลต้องการเห็นการเลือกตั้งเป็นไปโดยเรียบร้อยและสันติ ดังนั้นรัฐบาลจะใช้ความรุนแรงกับประชาชนไปทำไม คนไทยรู้ว่าใครที่ต้องการใช้ความรุนแรงเพื่อล้มการเลือกตั้ง และไม่มีคนกลุ่มใดหรือพรรคการเมืองใดสามารถขัดขวางการใช้สิทธิ์และการทำหน้าที่ของคนไทยที่รักประชาธิปไตย เพราะทั่วโลกจับตาอยู่

ศาลแพ่งสั่งยึดทรัพย์ 'สุพจน์ ทรัพย์ล้อม'


ศาลแพ่งสั่งยึดทรัพย์ 'สุพจน์ ทรัพย์ล้อม'

ศาลแพ่งสั่งยึดทรัพย์ "สุพจน์ ทรัพย์ล้อม"  อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม กับพวกรวม 7 คน ทั้งหมด 46 ล้าน ให้ตกเป็นของแผ่นดิน จากข้อหาร่ำรวยผิดปกติ โดยระบุว่า ไม่มีหลักฐานมาแสดง เพื่อยืนยันที่มาที่ไปของทรัพย์ได้  ขณะที่ข้อต่อสู้ก็เลื่อนลอย ไม่มีน้ำหนัก 
 
ศาลแพ่ง รัชดา มีคำสั่ง ในคดียึดทรัพย์ที่อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม กับพวกซึ่งเป็นเครือญาติรวม 7 คน อาทิ 
- เงินสด 
- เงินฝากในธนาคาร 9 บัญชี 
- เงินฝากในสหกรณ์ออมทรัพย์กรมทางหลวง  
- โฉนดที่ดินย่านต่างๆ  ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด  
- บ้านพัก  
- รถยนต์   
- ห้องชุด 
รวมมูลค่ากว่า 46 ล้านบาท พร้อมดอกผล ตกเป็นของแผ่นดิน ตามพระราชบัญญัตติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
 
เนื่อง จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตรวจสอบทรัพย์สินแล้วชี้มูลความผิดว่า นายสุพจน์  มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ โดยไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินต่างๆ ได้  
        
โดย ศาลพิเคราะห์แล้ว  เห็นว่าจากเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 12 พฤศจิกายน 2554 ที่มีคนร้าย 8 คน บุกเข้าปล้นบ้านนายสุพจน์ ในซอยลาดพร้าว 64 และถูกตำรวจจับกุมได้  เข้าเบิกความยืนยันในทิศทางเดียวกันว่า ทรัพย์ทั้งหมดได้มาจากการปล้นทรัพย์ ซึ่งมีสมเหตุสมผล และน่าเชื่อถือ เพราะปกติแล้วจะไม่มีคนร้ายคนใดไปขวนขวาย แสวงทรัพย์สินอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง และยังต้องคืนให้แก่ผู้เสียหาย กรณีนี้จึงยังไม่มีเหตุผลและความจำเป็นที่เจ้าพนักงานตำรวจและคนร้าย จะร่วมมือกันบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์ของกลาง
 
นอก จากนี้ จากการรับฟังการไต่สวนพยานฝ่ายนายสุพจน์ ผู้คัดค้าน กับพวกแล้ว  ล้วนแต่เป็นพยานผู้ใกล้ชิดมีส่วนได้ส่วนเสีย  เห็นว่าเป็นการเบิกความลอย ๆ ปราศจากหลักฐาน ขัดต่อเหตุผลหลายประการ  รวมทั้งการโต้แย้งและคัดค้านของนายสุพจน์ไม่อาจจะนำมารับฟังได้
 
ศาล แพ่ง จึงพิพากษาว่า ให้ทรัพย์สินรวม 19 รายการ รวมมูลค่ากว่า 46 ล้านบาท ของนายสุพจน์  กับพวก พร้อมดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินที่เกิดขึ้นตกเป็นของแผ่นดิน โดยให้นายสุพจน์ ส่งมอบทรัพย์สิน และเอกสารที่เกี่ยวข้องพร้อมดอกผลให้แก่แผ่นดิน ผ่านกระทรวงการคลัง หากไม่สามารถดำเนินการให้ทรัพย์สินใดได้แก่แผ่นดิน ให้นายสุพจน์ ชดใช้เงินหรือโอนทรัพย์สินตามจำนวนมูลค่าที่ยังขาดอยู่แก่แผ่นดินจนครบ

ที่มา  voicetv.co.th

'ถาวร' พอใจคำสั่งศาล ลั่นไม่ขอยื่นอุทธรณ์

'ถาวร' พอใจคำสั่งศาล ลั่นไม่ขอยื่นอุทธรณ์


ถาวร ระบุพอใจคำสั่งศาล ให้รัฐบาลเดินหน้า พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ต่อ ลั่นไม่ยื่นอุทธรณ์ ฝากนายกฯ เฉลิม และ ผบ.ตร. ทำตามคำสั่งศาลอย่างเคร่งครัด 
 
 
ภายหลังจากศาลแพ่งมีคำสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราวของโจทก์ทุกประเด็น  ทั้งการห้ามผู้ชุมนุมเข้าสถานที่ราชการ การห้ามใช้เส้นทางคมนาคม รวมทั้งความพยายามในการใช้กำลังสลายการชุมนุม เนื่องจากศาลเห็นว่าไม่ปรากฏว่ารัฐบาลใช้กำลังกับชุมนุมตามที่ถูกกล่าวอ้าง และการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถือเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารในการออกกฎหมายพิเศษ เข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อย ตราบใดที่ยังไม่กระทบกับสิทธิการชุมนุมอย่างสงบ และต้องไม่เป็นการเลือกปฏิบัติด้วย  
 
 
นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. ระบุว่า พอใจในคำสั่งของศาลในวันนี้ และจะไม่มีการยื่นอุทธรณ์คำสั่ง  พร้อมฝากไปยังนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  จำเลยที่ 1-3 ให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างเคร่งครัดด้วย
 
 
ส่วนกรณีที่ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง มอบอำนาจให้ผู้แทน ยื่นคำร้องว่าคดีนี้เป็นอำนาจของศาลปกครองไม่ใช่ศาลแพ่งนั้น ตนเห็นว่าเป็นการประวิงเวลาในคดี

ที่มา  voicetv.co.th

รมว.พาณิชย์เผยรัฐบาลจีนกังวลสัญญาขายข้าว

รมว.พาณิชย์เผยรัฐบาลจีนกังวลสัญญาขายข้าว


รมว.พาณิชย์เผยรัฐบาลจีนกังวลสัญญาขายข้าว โดยจะมีการเจรจากันอีกครั้งในอาทิตย์หน้า 


นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ระบุว่า ในสัญญาการซื้อขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี กับรัฐบาลจีน ทางบริษัทเป่ยต้าหวงซึ่งเป็นบริษัทในมลฑลของจีน ได้แสดงความกังวลในสัญญาซื้อขายข้าว จำนวน 1 ล้านตัน อาจจะมีปัญหาภายหลังได้ หลังจากที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามกานทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. กำลังตีวจสอบการระบายข้าวของรัฐบาล ที่ไม่ได้ระบายให้กับรัฐบาลกลางของประเทศจีน

โดยนายนิวัฒน์ธำรง ยังได้ยอมรับว่า ทาง ปปช. ยังมีความเจ้าใจการระบายข้าว ต้องทำระหว่างรัฐบาลกลางเท่านั้น ซึ่งทางประเทศจีนได้มีการปกครองที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว จึงได้ทำให้บริษัทเฟยต้าหัวได้ แสดงความกังวลในสัญญา ซึ่งในอาทิตย์หน้าจะมีการเจรจากันอีกครั้ง และอาจจะยกเลิกสัญญาได้

สำหรับการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาล ในเดือนมกราคมนี้ รัฐบาลสามารถระบายข้าวได้แล้ว 1 ล้านตัน

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

'พงศ์เทพ'ยันนายกฯพร้อมแจงศาล ปมใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

'พงศ์เทพ'ยันนายกฯพร้อมแจงศาล ปมใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน


 "พงศ์เทพ" ยัน นายกรัฐมนตรี พร้อมแจงศาล กรณีใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้ ไม่ขัด ม.181 ศาลรัฐธรรมนูญไร้อำนาจตัดสิน
 
 
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการชี้แจงต่อศาลแพ่ง ในวันที่ 6 ก.พ. นี้ว่า ส่วนตัวไม่แน่ใจว่า ทางรัฐบาลจะส่งใครไปชี้แจงต่อศาลแพ่งในวันดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากยังไม่เห็นเอกสาร แต่ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล มีหลักฐานชัดเจนพร้อมชี้แจงเหตุผล และเชื่อว่า ศาลทราบถึงเหตุการณ์จึงมีการประกาศ หากศาลสั่งให้เพิกถอน ก็สามารถยื่นอุทธรณ์ได้
 
ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเรื่องรัฐบาลออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้น ตนเองมองว่า ไม่ใช่เรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่เห็นว่าจะขัด ม.181 และขัดต่อระเบียบของ กกต. ส่วน 2 ก.พ.นี้ หาก กกต. ทำหน้าที่เต็มที่ รัฐบาลก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่ และเชื่อว่า สิ่งที่ก้าวล่วงสิทธิประชาชนจะไม่ดำรงอยู่นานนัก แม้จะมีคนมาขัดขวางก็ตาม อีกทั้ง ส่วนตัวยังไม่เห็นเหตุการณ์ที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
 
 
ที่มา : สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. 

ความดีงาม จะงอกงามมาจากอคติ-ความโกรธเกลียดได้จริงหรือ ?

ความดีงาม จะงอกงามมาจากอคติ-ความโกรธเกลียดได้จริงหรือ ?


'อ.พิพัฒน์' โพสต์ถามถ้าระบอบที่ท่านๆพยายามยัดเยียด มันดีจริงๆแล้วละก็เคยเห็นประเทศไหนที่เจริญแล้ว ใช้ระบอบนี้มั๊ยครับ?และท่านๆคิดว่าความดีงาม มันจะงอกงามออกมาจากอคติและความโกรธเกลียดได้จริงๆ?
 
ดร.พิพัฒน์ ปราโมทย์ อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ส่วนตัว วานนี้ (29ม.ค.)
ระบอบที่ใช้ความเกลียดกลัวเป็นกำลังในการขับเคลื่อน ละเมิดและคอรัปชั่นสิทธิพลเมือง คนที่ไม่เห็นด้วย ก็โดนดูถูก ด่าทอ กดดัน กลั่นแกล้ง หรือ อาจถูกทำร้าย

หากระบอบเหล่านี้ ได้อำนาจในการปกครองประเทศแบบเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ ท่านๆกองเชียร์คิดว่ามันจะพัฒนาไปสู่การปกครองแบบเป็นธรรม สันติ และ ปลอดคอรัปชั่น ได้จริงๆรึ 

ท่านๆคิดว่าความดีงาม มันจะงอกงามออกมาจากอคติและความโกรธเกลียดได้จริงๆอ่ะ?

โดยก่อนหน้านี้ ดร.พิพัฒน์ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า
ถ้าระบอบที่ท่านๆพยายามยัดเยียด มันดีจริงๆแล้วล่ะก็
เคยเห็นประเทศไหนที่เจริญแล้ว ใช้ระบอบนี้มั๊ยครับ?
อย่าบอกน้ะ ว่าคิดค้นได้เป็นประเทศแรกในโลก
!!!
 


 ขอบคุณเนื่้อหาข่าวจาก  http://news.voicetv.co.th/

เข้าดูมากที่สุด 7 วันที่ผ่านมา